Select Page

ธรรมะ-พระเครื่องแชมป์หนังสือปี “52”

ธรรมะ-พระเครื่องแชมป์หนังสือปี “52”

           ยอดขายหนังสือแต่ละแนวยังเป็นกระจกเงา สะท้อนรสนิยมการใช้ชีวิต คุณภาพของคนอ่าน และกระแสความสนใจของผู้คนในสังคมแต่ละช่วง

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

p6

          มีปรัชญามากมายเกี่ยวกับหนังสือ เช่น “เวลาจะมีค่าขึ้นมาทันทีที่คุณหยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาอ่าน” “หนังสือคือเครื่องชี้วัดสติปัญญาของคนในชาติ” หรือ “แม้แต่หนังสือเล่มที่แย่ที่สุด ก็ยังมีประโยชน์ในตัวมัน”

        เคยสงสัยบ้างหรือไม่  ในรอบ  1  ปีที่ผ่านมา หนังสือแนวใดบ้างที่ยังคงครองความนิยมอย่างอุ่นหนา สามารถฟันฝ่าแนวต้านทางเศรษฐกิจ และการเมืองอันสุดแสนหฤโหดมาได้อย่างองอาจ จิรา ภู่ร้อย และ เพ็ญนภา ชุ่มผึ้ง 2 พนักงานขาย ของร้านหนังสือนายอินทร์ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค  รังสิต  มีคำเฉลย เพ็ญนภาบอกว่า  สำหรับกลุ่มผู้อ่านวัยเด็ก  หนังสือที่ครองใจและทำยอดขายสูงสุด   ได้แก่   หนังสือแนวการ์ตูนที่ให้ความรู้เรื่องต่างๆของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊กส์

         ขยับขึ้นมาอีกวัย  สุดยอดหนังสือขายดีของนักอ่านวัยรุ่น  โดยเฉพาะวัยรุ่นสตรี  ตั้งแต่ระดับมัธยมฯต้นจนถึงมหาวิทยาลัย  หนีไม่พ้น  หนังสือนิยายวัยรุ่น  ของสำนักพิมพ์แจ่มใส  ยกตัวอย่าง หนังสือที่ขึ้นหน้าปกว่า “ภารกิจร้าย กลายพันธุ์รัก” “พิชิตรักร้าย ล่าหัวใจยัยจอมดื้อ” และ “รหัส (ยัย) สายลับ จับหัวใจนายมาเฟีย”  เป็นต้น
           เพ็ญนภาบอกว่า หนังสือแนวนี้ขายได้ทั้งปี ลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นสตรีและสตรีประเภท 2 ชื่นชอบกันมาก และมักจะตามหาอ่านซีรีส์ใหม่ๆ ด้วยการเช็กจากอินเตอร์เน็ต เธอว่าเนื้อหาภายในเล่มของนิยายวัยรุ่นจะออกในทำนอง เช่น ไม่รู้ว่าทำไมสาวสวยพราวเสน่ห์สุดแสนเซ็กซี่ จึงต้องมาตกหลุมรักผู้ชายหน้าตาจืดชืด แถมยังแสนเฉิ่ม เป็นต้น ส่วนวัยรุ่นชาย  ตั้งแต่ระดับประถมฯจนถึงมหาวิทยาลัย ยุคนี้หนังสือ สูตรการเล่นเกมออนไลน์ ซึ่งมีเนื้อหาภายในแนะนำวิธีการเล่นแต่ละเกมให้ผ่านด่านต่างๆได้อย่างไร ตัวละครแต่ละตัวมีลูกเล่นใดบ้าง หรือต้องออกของ (อาวุธ) ที่จะเอาไปใช้ต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไร จึงจะชนะอีกฝ่าย เป็นต้น

     สำหรับกลุ่มผู้อ่านทั่วไป ไม่จำกัดเพศและวัย จิราบอกว่า หนังสือที่ทำยอดขายได้อันดับต้น คือ หนังสือธรรมะแนวปรัชญา ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้กับการดำเนินชีวิต หรือหนังสือธรรมะที่อิงจิตวิทยานิดๆ อิงวิทยาศาสตร์หน่อยๆ หรือแนวที่เผยเคล็ดลับความสำเร็จในชีวิต จะไปได้ดีตลอดทั้งปี
        จิรายกตัวอย่าง “เดอะ ท็อป ซีเคร็ต เล่ม 2” และ “ทางลัด สู่อัจฉริยะ” หนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ เขียนโดย ทพ.สม สุจีรา  หรือหนังสือชื่อ “เข็มทิศชีวิต เล่ม 2” และ “เข็มทิศชีวิต เล่ม 3 ตอนกฎแห่งความสุข” เขียนโดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เป็นหนังสือเอกประจำร้านอีกเล่ม ที่ยอดขายไม่ทำให้ผิดหวัง ตลอดทั้งปี
          จิราบอกว่า หนังสือของนักเขียนชั้นแนวหน้าทั้งสองคนข้างต้น ส่วนใหญ่จะออกแนวที่สามารถนำข้อคิด หรือความรู้ที่ได้จากหนังสือไปปรับใช้ได้จริง และปรับเข้า ได้กับทุกเรื่องของชีวิต เช่น แนะนำเคล็ดลับความสำเร็จต่างๆ หรือความสุขที่ไม่ต้องใช้เงินตราซื้อหา เป็นต้นp1
          เธอบอกว่า อีกเล่มที่มียอดขายโดดเด่นประจำร้าน คือ หนังสือแนวธรรมะบรรยาย ของ ท่าน ว.วชิรเมธี ที่ชื่อว่า “มองลึก นึกไกล ใจกว้าง ฉบับพิมพ์ ครั้งที่ 13”

         “เป็นหนังสือที่ขายดีเสมอต้นเสมอปลาย เนื้อหาภายในจะสอนว่า เวลามองอะไรอย่ามองแค่ปรากฏการณ์ อย่ามองเพียงภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็นกันอย่างฉาบฉวย แล้วก็คิดเอาเองว่า สิ่งนั้นเป็นความจริงสูงสุด พูดง่ายๆ อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะสิ่งสำคัญ อาจไม่เห็นด้วยตา” เธอว่าดูจากจำนวนครั้งที่พิมพ์ซ้ำ ก็รู้ว่าขายดีแค่ไหน สรุปแล้ว ทั้งจิรา และเพ็ญนภายืนยันตรงกัน ปีนี้ถ้าให้โฟกัสเฉพาะที่ร้านนายอินทร์ สาขาฟิวเจอร์ฯ รังสิต หนังสือแนวธรรมะอิงปรัชญา มาแรงที่สุด เทียบกับยอดขายของร้านหนังสือยอดนิยมอีกแห่งอย่าง   ซีเอ็ดบุ๊กเซ็นเตอร์ สาขาเทสโก้  โลตัส  รังสิต  ประเสริฐ  บุญเพิ่ม  แคชเชียร์ประจำร้าน  ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า โดยภาพรวมตลอดทั้งปี  52  หนังสือแนวธรรมะ และ พระเครื่อง  จัดว่ามียอดขายดีในระดับต้น เขายกตัวอย่างรายชื่อหนังสือยอดนิยมประจำปี ที่ขายได้มาตลอดตั้งแต่ต้นปียันท้ายปี  ได้แก่  “ธรรมะติดปีก”  และ  “มองลึก  นึกไกล  ใจกว้าง”  ของว.วชิรเมธี

          “ธรรมะ เทอราปี” ของ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก (เรียบเรียงโดย พรหมวิหาร บำรุงถิ่น) ประเสริฐบอกว่า เป็นหนังสือในแนวแนะนำให้ออกกำลังใจ ด้วยกำลังธรรม เพื่อชีวิตที่กำลังดี หรือจะเป็นหนังสือธรรมะแนวที่อ่านสบาย เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริง อย่างเช่น “ธรรมะเฮฮา” และ “ธรรมะเดลิเวอรี่ เล่ม 1-4” ของ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ประเสริฐบอกว่า แม้จะออกมานานแล้ว แต่ยังขายได้เรื่อยๆ เขาบอกว่า หนังสืออีกแนวที่ได้รับความนิยมมาตลอด คือ หนังสือที่แนะนำเกี่ยวกับการเล่นพระเครื่อง  เขายกตัวอย่าง หนังสือชื่อ “เก็บพระให้เป็น เห็นแต่งอกเงย” “เล่นพระให้ดี มีแต่เพิ่มพูน”  และ  “ห้อยพระให้ตรง ส่งให้รุ่งเรือง”  ซึ่งเขียนโดยผู้ใช้นามแฝงว่า ษรวัฒน์

          ประเสริฐบอกว่า การที่หนังสือแนวนี้ ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง อาจเป็นเพราะขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้นิยมเล่น หรือสะสมพระเครื่องเป็นจำนวนมาก และวงการพระเครื่องก็มีกระแสเงินสะพัดหมุนเวียนปีละนับหมื่นล้านบาท จึงทำให้หนังสือที่แนะนำเกี่ยวกับพระเครื่อง หรือการสะสมพระเครื่องได้รับความนิยมในระดับแถวหน้า

         ถัดมาเป็นหนังสือใน  แนวรักษาสุขภาพ  ที่ประเสริฐบอกว่า  ขายได้ตลอดด้วยอาจเป็นเพราะสมัยนี้คนเจ็บไข้ได้ป่วยกันเยอะ หรือใช้รูปแบบชีวิตที่ค่อนข้างจะละเลยสุขภาพ หนังสือในแนวนี้จึงได้รับความสนใจ

         เขายกตัวอย่าง เล่มที่ขายดีอย่างเช่นหนังสือชื่อ ภูมิแพ้แก้ง่าย เขียนโดย นพ.เจตทะนง แกล้วสงคราม หรือ กิน 4 ธาตุ ไม่เป็นทาสมะเร็ง เขียนโดยพญ.อารีย์ โอบอ้อมรัก ล้างพิษ 30 วัน ของ นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เป็นต้น

           หรือจะเป็นหนังสือแนวแนะนำการทำมาหากิน และหนทางสู่ความสำเร็จทางการเงิน เช่น  หนังสือชื่อ  “เขาหาเงินกันแบบไหน ถึงได้รวย”  เขียนโดย  อมิตตา อริยอัชฌา ประเสริฐบอกว่า เล่มนี้ก็ติดอันดับขายดีประจำร้าน เพราะให้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง
p2
           ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นการขยายภาพยอดขายหนังสือที่ได้รับความนิยม ประจำปี 2552 แต่หากจะตรวจสอบกันอีกชั้นว่า ในภาพรวมขณะนี้ตลาดหนังสือมีสภาพเช่นไร และในปีหน้าฟ้าใหม่ 2553 แนวโน้มอนาคตของตลาดหนังสือเมืองไทยน่าจะเป็นอย่างไร

หนึ่งในผู้ที่ตอบคำถามได้ดีที่สุด น่าจะเป็น ศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์บุ๊ก เซ็นเตอร์ ค่ายผลิตหนังสือยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ศิวะพรได้ออกมาส่งสัญญาณบางอย่างที่น่าจับตาว่า

           บริษัท อมรินทร์บุ๊ก เซ็นเตอร์ มีแผนการลงทุนในปีหน้าโดยใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 16 ปี เพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ใหม่ ด้วยงบฯก้อนแรกจำนวน 250 ล้านบาท

           ศิวะพรบอกว่า อีก 100 ล้านบาท ใช้สำหรับขยายสาขาร้านหนังสือ “นายอินทร์” ซึ่งอยู่ในเครือของบริษัทฯรวม 50 สาขา และอีก 50 ล้านบาทสุดท้าย จะใช้ลงทุนเพื่อพัฒนาระบบไอที หรือสารสนเทศ กรรมการผู้จัดการค่ายอมรินทร์บุ๊กฯ ย้ำชัด การลงทุนดังกล่าว ก็เพื่อรองรับตลาดธุรกิจหนังสือในปี 53 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมราวๆ 9,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตด้วยเลข 2 หลัก หรือมากกว่า 10% ขึ้นไป เทียบกับปี 52 ที่น่าจะขยายตัว ด้วยตัวเลขเพียงหลักเดียว

          “มีการคาดการณ์กันว่า ภาวะเศรษฐกิจในปี 2553 จะกลับมาฟื้นตัว และรัฐบาลยังมีนโยบายสนับสนุนเรื่องการอ่านอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลักดันงบประมาณเข้าสู่ระบบผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง” ศิวะพรบอกว่า ปีนี้เฉพาะค่ายอมรินทร์บุ๊ก เซ็นเตอร์ มียอดขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตราว 20%  

          “ทุกวันนี้อัตราคนอ่านหนังสือในบ้านเรายังต่ำมาก เฉลี่ยแล้วอยู่ที่แค่ 1.7 เล่มต่อคนต่อปี เทียบกับญี่ปุ่น เฉลี่ยอยู่ที่ 40 เล่มต่อคนต่อปี ฉะนั้นโอกาสที่จะขยายตลาดหนังสือในเมืองไทย ยังมีอีกมาก”

มองตลาดหนังสือผ่านภาวะเศรษฐกิจ   น่าจะพอมองเห็นภาพรวมไรๆกันบ้าง.

About The Author

aof

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.