Select Page

วันเอดส์โลกปี 53 เอดส์ไทยล้านเศษ

วันเอดส์โลกปี 53 เอดส์ไทยล้านเศษ

นานทีปีครั้งจึงจะมีข่าวดีสำหรับ ผู้ที่อยู่ในแวดวงเอดส์ ล่าสุดเพิ่งมีข่าวอัตราการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ในเมืองไทย…ลดลง ไปเกือบครึ่ง!

          ผู้ให้ข่าว คือ ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์

          คุณ หมอประพันธ์แจ้งว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งประสงค์ให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังไม่มีอาการ ได้รับการดูแลรักษาที่เร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ระดับภูมิต้านทานลดต่ำจนถึง 200 จึงค่อยเริ่มให้ยาต้านไวรัส

          นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศแรก ที่กำลังพัฒนาใช้สูตรยาในการป้องกันเอดส์จากแม่สู่ลูก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ใน “โครงการป้องกันการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก” ของสภากาชาดไทย

          มีการแจก จ่ายยาไปตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยให้ยาต้านไวรัส 3 ชนิดแก่ สตรีที่ตั้งครรภ์ทุกราย ซึ่งไปฝากครรภ์กับโรงพยาบาล ไม่ว่าหญิงมีครรภ์รายนั้น จะมีระดับภูมิคุ้มกันเท่าไร เรียกว่ากันไว้ก่อนนั่นเอง มาตรการนี้ได้กระทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 6 ปี

          ส่ง ผลให้เมืองไทยจึงมีอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดจำนวนลงจากเดิมที่มีอยู่ปีละประมาณ 2 หมื่นราย ปัจจุบันเหลือเพียง 10,000 กว่าราย หรือลดลงไปได้เกือบครึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งองค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็น “วันเอดส์โลก” หลายปีที่ผ่านมา กระแสรณรงค์ป้องกันเอดส์จากภาครัฐดูแผ่วบาง

          บางปี แทบจะไม่เห็นการจัดกิจกรรมรณรงค์ หรือพูดถึงโรคร้ายชนิดนี้ในเวทีสาธารณะ ราวกับว่ามันได้หายตายจากเมืองไทยไปนานแล้ว ทั้งที่ยังเป็นปัญหาจ่อคอหอย เพิ่งจะมีปีนี้ได้เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดถึงและให้ความสำคัญกับโรคเอดส์อย่างเป็นการเป็นงานอีกครั้ง

         โดยก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อฯอยู่ทั่วโลกทั้งสิ้นราว 60 ล้านราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 25 ล้านราย ยังมีชีวิตอยู่อีก 35 ล้านราย เฉพาะ เมืองไทยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ รวมกันประมาณ 1.16 ล้านราย ในจำนวนนี้ตายไปแล้ว 644,128 ราย ยังมีชีวิตอยู่อีกประมาณ 522,548 ราย

         ล่าสุด คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละประมาณ 10,853 ราย โดยกลุ่มใหญ่สุดเป็น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 33 รองลงมา คือ แม่บ้านที่ติดเชื้อฯจากสามี หรือ คู่ขาที่นอนด้วยเป็นประจำ อีกร้อยละ 28 ข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของบางพฤติกรรมอัปยศในสังคม

          รมว.สาธารณสุข บอกว่า เป้าหมายรณรงค์โรคเอดส์ของเขา จะเน้นหนักใน 3 ส่วนหลักๆ คือ

     1. ลดจำนวนผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ลงให้ได้ปีละอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ หรือให้เหลือครึ่งหนึ่งภายในปีหน้า

     2. ให้ผู้ป่วยเอดส์เข้าถึงบริการและยาได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งขึ้น

     3. ให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าถึงสวัสดิการสังคมของรัฐบาลได้เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ถูกรังเกียจหรือกีดกัน คงต้องจับตาดูกันไป นโยบายที่ว่าจะทำได้สักกี่มากน้อย

          เฉลิม พล พลมุข รองประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ หัวแรงใหญ่ของโครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งข้อสังเกตเนื่องในโอกาสวันเอดส์โลกปีนี้ ด้วยความห่วงใย “ระยะหลังมานี้มีปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าเป็นห่วง นั่นคือ การล่วงละเมิดทางเพศทั้งในกลุ่มเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น”

          เฉลิม พลบอกว่า เท่าที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ ปี 2551 มีเด็กไทยตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดทางเพศทั้งสิ้น 81 ราย แบ่งเป็นเด็กชาย 6 ราย เด็กหญิง 75 ราย ปี 2552 มีเด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดทางเพศอีก 125 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 121 ราย ปี 2551 มีเหยื่อไม่จำกัดอายุ ถูกล่วงละเมิดทางเพศรวม 161 ราย ปี 2552 อีก 188 ราย และปีนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.2553 อีก 157 ราย และพบว่า เหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอายุน้อยที่สุดเพียง 3 ขวบเท่านั้น

            เฉลิม พลบอกว่า เขาเป็นห่วงเหยื่อทุกรายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน หรือผู้ที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 3 ล้านคน

            “ทุกวันนี้มีวัยรุ่นที่ไม่ได้เรียนหนังสือ กลายเป็นเด็กเร่ร่อนกว่า 30,000 คน เด็กกำพร้าอีกล้านคนเศษ เป็นคุณแม่วัยใสหรือวัยรุ่นหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ตั้งครรภ์อีกราวๆ 120,000 คน เป็นยุวอาชญากรที่ถูกตำรวจจับกุมอีกประมาณ 50,000 คน นอกนั้นเป็นเด็กไร้สัญชาติ หรือแรงงานข้ามชาติอีกเกือบล้านคน”

            เฉลิม พลบอกว่า การที่เด็กหรือเยาวชนเหล่านี้ ตกเป็นเหยื่อของพฤติกรรมเสี่ยงจากการล่วงละเมิดทางเพศ อาจทำให้บางคนกลายเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ในอนาคต เขา เห็นว่า การจัดทำแผนบูรณาการของรัฐ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการเรียนการสอนเรื่องเอดส์ และเพศศึกษาในสถานศึกษาทั่วประเทศ เป็นสิ่งสำคัญและเร่งด่วนมาก แต่ต้องทำอย่างตามทันและเข้าใจเด็กวัยรุ่นด้วย

           “ที่ผ่านมา มีการพูดถึงเรื่องเพศศึกษาทั้งในกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข มีแผนปฏิบัติการจนนับไม่ถ้วน แต่การปฏิบัติงานกลับไม่ค่อยเห็นผล เป็นเพราะระดับนโยบายเบื้องบนไม่ได้ให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง ฝ่ายที่นำไปปฏิบัติก็ไม่ค่อยมีความรู้ เช่น จะสื่ออย่างไรให้โดนใจคนรุ่นใหม่ ด้วยภาษาที่ทันสมัย เป็นต้น”

          “ต้อง เข้าใจก่อนว่า การเข้าถึงทางเพศของวัยรุ่นสมัยนี้มีหลายวิธี เช่น อาจใช้การเล่นเน็ต แชตกัน ส่งภาพโป๊ แล้วนัดเจอกันตามที่ต่างๆ บางคู่แอบไปทดลองเรื่องเซ็กซ์ในเทศกาลวาเลนไทน์ วันลอยกระทง ไม่ก็อ้างไปเรียนพิเศษ แต่แอบโดดเรียนไปดูหนัง เพื่อได้อยู่กันตามลำพัง ช่องทางเหล่านี้ล้วนเอื้อโอกาสให้มีพฤติกรรมทางเพศได้ทั้งนั้น”

          เฉลิม พลบอกว่า เขาเชื่ออย่างที่หลายคนเชื่อว่า การสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องเพศให้กับลูก เป็นหน้าที่สำคัญของพ่อแม่ ที่จะสื่อสารกับลูกเพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

         การพูดคุยกับลูกพ่อแม่อาจอาศัยสื่อ หรือเหตุการณ์ต่างๆที่พบได้ในชีวิต ประจำวัน มาคุยกับลูกเพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้ ไม่ว่าจากข่าว ละคร หรือสถานการณ์ ต่างๆที่เกิดขึ้น พ่อแม่อาจจะถามความคิดเห็นในสิ่งที่เกิด ขึ้น และแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อดูทัศนคติความคิด และความเข้าใจของลูก และถือเป็นโอกาสที่จะสอดแทรกความรู้ให้กับลูกไปในตัว

         เฉลิมพลบอกว่า ปัจจุบันการดูแลปัญหาเอดส์ของภาครัฐ กระเตื้องขึ้นบ้างในภาพรวม เช่น ผู้ติดเชื้อฯที่เป็นมารดา ภาครัฐมีสูตรยาที่จะช่วยเหลือส่งผลไปถึงคุณภาพชีวิตของลูกในครรภ์ของผู้ที่ ติดเชื้อฯ นอกจากนี้เด็กเล็ก และวัยรุ่นซึ่งติดเชื้อเอชไอวี รัฐบาลก็มีระบบยาในการดูแลรักษา และติดตามอาการต่อเนื่องเป็นอย่างดีเช่นกัน

         รวม ทั้งปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ขึ้นทะเบียนขอรับยาต้าน ไวรัสประมาณ 150,000 ราย แต่เฉลิมพลบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขายังเป็นห่วงก็คือ การที่ผู้ติดเชื้อฯบางราย ปฏิเสธที่จะรับยาต้านไวรัส หรือผู้ได้รับยาต้านฯบางราย กลับไปมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ผู้อื่นต้องกลายมาเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่เพิ่ม

         “พระพรหมคุณาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณประยุทธ์เคยเทศน์ไว้ว่า ความยั่วยวนทางกามารมณ์ แม้จะเสี่ยงต่อภยันตราย แต่บางครั้งก็ทำให้ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสตัณหา และความมักมากในกาม ยอมเสี่ยงโดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่ร้ายแรงของมัน”

        “ท่าน เจ้าคุณฯได้เสนอทางออกสำหรับผู้ที่ติดเชื้อฯ และผู้ป่วยเอดส์ไว้ว่า ควรจะใช้ชีวิตที่สัมผัสกับธรรมชาติ แสวงหาความสุขอยู่กับธรรมชาติ ได้เห็นท้องฟ้าที่แจ่มใส ร่างกายที่สัมผัสกับสายลมแสงแดด ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ มองดูต้นไม้ ใบหญ้าที่สวยงาม”
เฉลิมพลทิ้งท้าย

       “ท่าน ว่าวิธีเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ หรือพลิกมุมจากปัญหาให้กลายเป็นการพัฒนาที่งอกงาม ผมขอฝากคำสอนของท่านไว้เป็นข้อคิดสำหรับวันเอดส์โลกปีนี้”

ที่มา :  นสพ.ไทยรัฐ วันที่ 29 พฤศจิกายน  2553

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.