Select Page

ชีวิตอีกด้านที่ไม่เคยบอกใคร ของคำว่า “พ่อ”

ชีวิตอีกด้านที่ไม่เคยบอกใคร ของคำว่า “พ่อ”

จากที่เห็นผมในโทรทัศน์หรือเสียงทางวิทยุ ทุกท่านคงเห็นความเป็นคนมีบุคลิกที่ร่าเริง ยิ้มแย้มนะครับ แต่ความจริง… ก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ วันนี้ผมอยากจะขอแบ่งปันประสบการณ์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นพ่อซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตผมที่ผมที่อาจไม่เคยพูดกับใครๆบ่อยนัก

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมตัดสินใจเริ่มเขียนบทความนี้ให้คุณ สายสวรรค์ ขยันยิ่ง ด้วยความสนิทสนมในความเป็นพี่เป็นน้องที่ช่อง 3 และด้วยสัญญาที่ผมพูดกับคุณสายสวรรค์ไว้เกือบๆเดือนแล้วว่าผมจะสามารถเขียนอะไรที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านได้หรือไม่ อันที่จริงผมน่าจะเขียนเสร็จนานแล้ว แต่ด้วยเพราะอาการปวดหลังที่ค่อนข้างจะเรื้อรังของผม ทำให้ผมเขียนๆหยุดๆที่สุดแล้วที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้าก็ทำให้ผมรู้สึกว่าอารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง ผมเลยถือเอาฤกษ์ดีในวันมาฆบูชานี้ (28 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นวันที่ผมเขียนใหม่อีกครั้ง

 

เห็นพี่หนิงบอกผมว่าจะเอาสิ่งที่ผมเขียนที่จะเรียกว่าบทความดีหรือเปล่านี้มาโพสต์ไว้ในคอลัมน์ของหมู่เพื่อนของเธอ หัวข้อของแต่ละท่านก็หลากหลายตามความถนัดและความคิดของแต่ละคน สำหรับผมแล้วจะมาเล่าเรื่องส่วนตัวหรืออาการปวดหลังก็กระไรอยู่ (แต่ปวดหลังนี่ก็ขอให้อย่าไปยกของหนัก การเกิดอุบัติเหตุ หรือกรรมพันธุ์ ก็มีความเสี่ยงทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้ ให้ปรึกษาคุณหมอนะครับ เรื่องนี้สำคัญใครไม่เคยปวดก็ไม่รู้หรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาจาม จะรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกระดูกสันหลังเลย…นี่ขนาดไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้นะครับ)

 

จากที่เห็นผมในโทรทัศน์หรือฟังเสียงทางวิทยุ ทุกท่านคงเห็นความเป็นคนมีบุคลิกที่ร่าเริง ยิ้มแย้มนะครับ แต่ความจริงแล้ว….ก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ วันนี้ผมอยากจะขอแบ่งปันประสบการณ์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นพ่อซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตผมที่ผมอาจจะไม่ค่อยได้พูดกับใครบ่อยนัก  ลืมไปหรือเปล่าครับว่าผมเป็นคุณพ่อลูก 1 แล้ว ขณะนี้ลูกชายของผมคือ น้องจริง นุตยกุล อายุได้ 2 ขวบแล้ว เพิ่งจะอายุครบ 2 ขวบ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่ไม่นานนัก ก็เกิดมีคำถามหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว เลยอยากจะถามท่านผู้อ่านว่า “คุณคิดว่า การเป็นพ่อคนนี่เป็นเรื่องง่ายหรือยากครับ?” คำถามอาจจะดูเหมือนกำปั้นทุบดินไปหน่อย แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านตอบคำถามนี้จริงๆ อีกนัยหนึ่งคุณคิดว่าคำถามนี้ตื้นหรือลึกครับ คำตอบคงจะต้องหลากหลายแน่นอนสุดแล้วแต่เงื่อนไขสามัญอย่างเช่นว่า ท่านอายุเท่าไหร่? ท่านรวยไหม? ท่านแต่งงานแล้วหรือยัง (เอ้…ยังไง?) วุฒิการศึกษา? คลุมถุงชน? จนไปถึงคำตอบที่ไม่ต้องคิดมาก หรือเรียกง่ายๆว่า คำตอบที่มาจากใจของท่านล้วนๆ

 

ที่ผมเลือกหัวข้อนี้มาพูดก็เพราะว่าผมรู้สึกได้ชัดว่าสังคมสมัยนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนไปมาก สมัยก่อนของผมก็นับเอาแค่ช่วงอายุของผมก็ได้ครับ 30 ปีกว่าๆเท่าที่ผมเกิดมาโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงที่เป็นวัยรุ่นผมรู้สึกว่าประเทศไทยได้เหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวเองเป็นประเทศอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาคเอเชีย ยังจำได้ไหมครับกับคำว่า “เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย” ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าเสือตัวที่ 5 คือใคร ตอนนี้มีกี่ตัว เป็นเสือเต็มวัยหรือยัง สนแต่เพียงว่านาทีนี้อยากให้ประเทศเรามีความสุขความสงบเท่านั้นถ้าพินิจดูดีๆประเทศเราเจริญเร็วมากท่านว่าไหม? (ดูขนาดน้ำดื่มสมัยนี้ซิครับ จากที่เคยรองน้ำฝนใส่โอ่งแบบไม่ต้องเสียสตางค์ ตอนนี้เรายังต้องซื้อดื่มกันเลย…เราเจริญจนแซงหน้าธรรมชาติไปแล้ว)

  

ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาทางด้านต่างๆอย่างรวดเร็วมีผลต่อสภาพสังคมโดยตรง ความสะดวก ความสบายแบบติดจรวดในช่วงนั้น (ช่วงที่มีเศรษฐีที่ดินเดินชนไหล่กัน) จนกระทั่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนต้องการ เพียงแต่ในความเป็นจริงไม่มีใครได้สิ่งเหล่านั้นทุกคน เรายังมีคนที่จนคนที่ลำบากอยู่อีกเยอะ(เยอะกว่าคนที่มีฐานะดีเป็นเศรษฐีหลายร้อยหลายสิบเท่า)
              และเมื่อช่องว่างของความสะดวกสบายถูกถ่างออกไปเรื่อยๆ คนที่ลำบากหลายคนก็ต้องถีบตัวหนีโดยใช้หนทางที่ถูกต้องบ้างผิดบ้าง คนที่มีฐานะดีหรือรวยอยู่แล้วก็อาจจะสบายหรือระเริงกับชีวิตที่ฟู่ฟ่าจนจนหันไปใช้ชีวิตในทางที่ผิดก็มี บางท่านก็เกิดความวิปริตในจิตใจตนเองก็มี เพราะฉะนั้นการเป็นพ่อจากความเป็นไปของสังคมในปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นผลที่มีความเป็นไปได้จากหลายเหตุด้วยกัน จากข่าวที่นำเสนอตามโทรทัศน์หรือแม้แต่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผมไม่อยากจะใช้คำว่า “พ่อ” แต่ตำรวจก็ต้องตรวจ DNA ด้วยคำถามที่ว่า  “ใครเป็นพ่อของเด็ก?” สืบสวนไปมาพบว่าคนที่ทำให้เกิดลูก คือ น้องชาย พ่อ ญาติของเหยื่อซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าสลดใจเหลือเกิน และคำถามเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับคนที่มีฐานะดีเช่นเดียวกัน ส่วนตัวแล้วผมว่าคงไม่มีใครอยากให้คำว่า “พ่อ” เกิดขึ้นจากสาเหตุดังกล่าว คำว่า “พ่อ” มีความอ่อนโยน เข้มแข็งและศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าคุณพ่อที่ดี รักครอบครัว อดทน และขยันขันแข็งเพื่อครอบครัวยังคงมีอีกมากมายในสังคมนี้ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการเป็นพ่อที่ดีและสมบูรณ์นั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่เคยมองว่าจะเป็นเรื่องที่ยากเกินที่จะปฏิบัติ

           บทบาทของคุณพ่อในปัจจุบันต้องรับผิดชอบตัวเอง ภรรยาและลูก พบกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่แสนจะกดดันในยุคนี้ จริงๆมันก็อยู่ที่ใจของเรานะครับ ผมอยากให้กำลังใจตัวเองและคุณพ่อทุกคนว่า เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของเราเพราะลูกจะเป็นอย่างไรไม่ได้อยู่ที่คุณแม่คนเดียวอยู่ที่คุณพ่อด้วยนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณพ่อแต่ละท่านต้องทำงาน เวลาไม่ค่อยมีให้ลูกเท่าคุณแม่ (พูดเรื่องนี้แล้วนึกถึงวีรบุรุษข้าราชการตำรวจ พล.ต.อ สมเพียร เอกสมยา ท่านทำงานเพื่อชาติอย่างหนัก มีเวลาน้อยมากแต่ก็เป็นคนรักลูกรักครอบครัวมาก) แต่ผมเห็นด้วยกับคำแนะนำของคุณหมอที่ว่า เราใช้เวลาที่น้อยอย่างมีคุณภาพที่สุด นั่นคือเรื่องที่สำคัญที่สุดนะครับ ท่านจำสัมผัสและรับรู้ความอบอุ่นได้ใช่ไหมเวลาที่ท่านกอดและอุ้มลูก เวลาที่ท่านเหนื่อยหรือหมดกำลังใจ พลังที่ท่านรับรู้ (แต่อธิบายไม่ถูก) นั้นมันยิ่งใหญ่และมีค่ามากเลยใช่ไหม แน่นอนว่าไม่ใช่แค่สำหรับท่านเท่านั้นลูกของท่านย่อมรู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกันความรักและความอบอุ่นนี้ควรจะทำอย่างต่อเนื่องนะครับ ไม่ใช่ทำตอนเฉพาะลูกยังเด็กเท่านั้น ความต่อเนื่องสม่ำเสมอจะทำให้เราสนิทสนมกับลูกจนกระทั่งเขาโต เราจะเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งที่มั่นคงได้สำหรับเขาในทุกๆเรื่อง หากสมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความรักความเข้าใจกันอย่างดีครอบครัวก็จะเป็นสุข มีความแข็งแรง ลูกของเราก็จะเป็นคนดี มีคุณภาพ สังคมและประเทศชาติภายหน้า (ยามเราแก่เฒ่า) ก็จะเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขความเข้าใจ ผมก็ยังคงต้องเรียนรู้อีกมากครับกับความเป็นคุณพ่อของผม ยังต้องมีผิดถูกอีกหลายครั้ง แต่จะมีเจตนาและความมุ่งมั่นที่จะเป็นคุณพ่อที่ดีของลูกให้ได้

        สุดท้ายในฐานะที่เราเป็นคนไทย คำว่า “พ่อ” ย่อมมีความหมายที่พิเศษและลึกซึ้งกว่าชนชาติอื่นอย่างแน่นอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ท่านทรงอุทิศแรงกายแรงใจให้กับประเทศและประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด 60 กว่าปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ทรงเป็นพ่อที่รักและห่วงใยลูกอย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของพระราชวังที่ไม่ใหญ่โต แต่กลับมีแปลงทดลองเพื่อปลูกข้าวและพืชต่างๆ มีโรงเพาะเห็ด โรงโคนม เพื่อลูกๆที่เป็นเกษตรกร มีโรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลเล็กๆสำหรับลูกที่ต้องขับรถ ตั้งแต่ราคาน้ำมันเพียงลิตรละ 8-9 บาท รวมไปถึงการพระราชทานทุนการศึกษาส่งลูกๆที่เรียนเก่งไปศึกษาต่างประเทศให้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง ตัวอย่างที่ยกมานี้ยังไม่ได้นับรวมถึงการเสด็จเยี่ยมลูกๆในทุกพื้นที่ของประเทศ และโครงการในพระราชดำริอีกนับพันๆโครงการที่ทำให้ลูกๆทุกคยกินดีอยู่ดี “ถามว่าทำไมพระองค์ถึงทำและทำถึงขนาดนี้ได้?” “ก็เพราะว่าพระองค์ท่านรักพวกเราทุกคนไงครับ” เพราะฉะนั้นขอให้เรารักคุณพ่อของเรา รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนลูกสอนหลานที่ตามมาให้เห็นและเข้าใจถึงความรักของพระองค์ คิดดี ทำดี และรู้รักสามัคคีเพื่อความมั่นคงและความสงบสุขของประเทศของเรา

 

(ภาพ: พิธีเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ปีพุทธศักราช 2540 เป็นวันที่ผมมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิดที่สุดในชีวิต แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว และความตื่นเต้นในวันนั้นทำให้ผมไม่กล้าจะเงยหน้ามองพระพักต์ของพระองค์อย่างถนัดนัก แต่พระบรมราโชวาทท่อนหนึ่งที่ผมจำได้ดีและได้ถือปฏิบัติจนถึงปัจจุบันนี้ คือ “การรู้จักหน้าที่ และการเป็นคนดีของสังคม”)

 

ขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้ คุณกรุณา บัวคำศรี (เพื่อนสนิท…เฉพาะที่ร้านกาแฟ) เดินเข้ามาทักทายพอดี ผมจึงขอจบบทความเรื่องของคุณพ่อและส่งมอบให้กับคุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง พี่สาวที่แสนใจดีผู้นี้ ณ บัดนี้

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับขอทุกท่านจงมีแต่ความสุขกายสุขใจและยิ้มแจ่มแจ่มใส

 

ธรรมะรักษาครับ

กิติพันธุ์ นุตยกุล

About The Author

aof

1 Comment

  1. gotcha

    ผมก็เป็นคุณพ่ออีกคนหนึ่งที่รักและห่วงใยลูกไม่น้อยกว่าคุณจ้อเลย

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.