นักวิจัยชี้ “ยาลดอ้วน” ได้ผลน้อยกว่าคุมอาหาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานและเมทแทบอลิซึมจากประเทศเบลเยียม  ทั้งนี้งานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า ยารักษาโรคอ้วนที่ผลิตใหม่ในปัจจุบันสามารถลดน้ำหนักได้ร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว เมื่อเทียบกับยาชนิดเก่า แต่มีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม ยาลดน้ำหนักเป็นเพียงการรักษาที่เสริมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้น

           เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นพ.ลุค แวน แกล ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานและเมทแทบอลิซึมจากประเทศเบลเยียม เปิดเผยในงานประชุมวิชาการนานาชาติ “Obesity summit” หรืองานประชุมอ้วนซัมมิท ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันประชากรทั่วโลกมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานร้อยละ 30-50 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อความเสี่ยงมีโรคแทรกซ้อน อาทิ โรคไขมันในเลือดผิดปกติ  โรคเบาหวาน โรคหัวใจ สาเหตุมาจากการไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อีกทั้งแนวทางการรักษาโรคอ้วนด้วยวิธีต่างๆ ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร หากประชากรทั่วโลกสามารถควบคุมน้ำหนักได้จะช่วยลดอัตราการตายจากโรคอ้วนได้มากถึงร้อยละ 50 ทั้งนี้งานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า ยารักษาโรคอ้วนที่ผลิตใหม่ในปัจจุบันสามารถลดน้ำหนักได้ร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว เมื่อเทียบกับยาชนิดเก่า แต่มีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตาม ยาลดน้ำหนักเป็นเพียงการรักษาที่เสริมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้น

          นพ.ลุค แวน แกล กล่าวว่า ยาลดความอ้วนจะถูกแบ่งตามกลุ่มที่มีผลต่อความสมดุลของพลังงานในร่างกาย ได้แก่ 1.ยาที่กระตุ้นไม่ให้อยากอาหาร 2.ยาที่กระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญสามารถช่วยย่อยไขมันในร่างกาย 3.ยาที่ออกฤทธิ์ต่อส่วนประสาท ทั้งนี้ การเลือกซื้อยากินจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ยาโดยตรง ไม่ควรซื้อกินเอง และว่ายาที่ปลอดภัยต้องเป็นยาที่ออกฤทธิ์ส่วนกลางของร่างกาย แต่ไม่ไปกระตุ้นการปลดปล่อยส่วนจดจำของระบบประสาท

          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน