Select Page

น้ำมันเถื่อน-ปลอม-ใช้แล้วอันตราย…อย่าเล่นกับไฟ

น้ำมันเถื่อน-ปลอม-ใช้แล้วอันตราย…อย่าเล่นกับไฟ

เหตุการณ์คนร้ายลอบใช้จรวดอาร์พีจียิงถังบรรจุน้ำมันขนาดใหญ่ของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทยเ(แทปไลน์) อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เลยทำให้นึกถึงน้ำมันขึ้นมาทันที อะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวัตถุไวไฟ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความระทึกให้กับผู้อยู่ใกล้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มสาวไวไฟ (ฮา) แต่เรื่องที่ไม่ฮา เป็นเรื่องของน้ำมันที่ทำให้ชาวบ้านเกือบเอาชีวิตไม่รอด

          เรื่องแรก ตำรวจงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 161/2553 ลงวันที่ 22 เม.ย. 2553 ตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 215/8 หมู่ 3 แขวงทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะกทม.

          พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์พนักงานสืบสวนกองปราบฯ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการและการข่าวที่ 1 ชุดเฉพาะกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)มีภารกิจหลักคือสืบสวนตรวจสอบน้ำมันเชื้อเพลิงทุกกรณี นำชุดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย

          พบนายบุญลือ คงศรี อายุ 35 ปี และ น.ส.คารคิดบุตระ อายุ 38 ปี เป็นผู้ดูแลสถานที่ ผลการตรวจค้นพบน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไวไฟน้อย (น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว) บรรจุอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร จำนวน 700 ถัง มีน้ำมันหล่อลื่นบรรจุอยู่รวมประมาณ 1.4 แสนลิตรราคาประเมินถังละ 1,200 บาท รวมมูลค่า 8.4 แสนบาท

          ทั้งสองคนยอมรับว่า น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว เป็นของนายประกิจ อมรเจริญ จดทะเบียนการค้าเศรษฐภัณฑ์ เลขที่ 187/81-82 ซ.พุทธบูชา 41 ถนนพุทธบูชา

          แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. แต่ในเวลาไล่เลี่ยกันมี น.ส.วราภรณ์ มาตรา อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ มาแสดงตัวต่อตำรวจชุดตรวจค้นว่าเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง เธอยอมรับว่าไม่มีใบอนุญาตให้มีไว้ครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 (วอ.8) ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย  พ.ศ. 2535 และใบอนุญาตประเภทกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2542 จึงถูกแจ้งข้อหาหลายกระทง โทษจำคุกไม่เกิน2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ขั้นตอนการจับกุม พ.ต.ท.ธราดล เล่าว่า สืบทราบว่ามีการเก็บน้ำมันใช้แล้วอยู่จริง จึงแจ้ง พ.ต.อ.นรศักดิ์เหมนิธิ รองผู้บังคับการกองปราบฯ หัวหน้าชุดปฏิบัติการก่อนนำกำลังจับกุม

          สำหรับผู้เก็บน้ำมันใช้แล้ว ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.เชื้อเพลิง ซึ่งกำหนดว่า น้ำมันชนิดไหนเก็บได้จำนวนเท่าไร ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของชุมชน เพราะหากเกิดการรั่วไหลก็เป็นมลภาวะต่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ทั้งต่อระบบทางเดินหายใจและร่างกาย

          ดังนั้น ภาครัฐจะมองว่าสิ่งใดก็ตามที่เป็นวัตถุอันตราย เช่น แบตเตอรี่เก่า หรือน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว การเก็บต้องขออนุญาตและเก็บรักษาให้ดีพร้อมต้องตรวจสอบไม่ให้นำไปใช้ซ้ำเพราะเสี่ยงต่อการปลอมปน

          คดีที่ฮือฮาเพิ่งเกิดมาไม่กี่วันนี้เอง เมื่อมีคนร้ายยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่ถังน้ำมันของคลังน้ำมันบริษัทแทปไลน์นั่นเอง เสียวสันหลังวาบ หากผนังเก็บน้ำมันมีความหนาไม่เพียงพอ ระเบิดทะลุเข้าไปถึงน้ำมันอาจจะเกิดการระเบิดของเปลวเพลิงครั้งใหญ่ การจับคนที่ยิงอาร์พีจีก็คงเป็นไปได้ยาก คงจะถูกลวกสยองคากองเพลิงไปด้วยเป็นแน่แท้

          ช่างฮึกเหิมไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ลงมือระหว่างที่มีการประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 เสียด้วย การปฏิบัติการครั้งนั้นจรวดอาร์พีจียิงไปโดนถังน้ำมัน 1 ถัง จาก 4 ถังแต่ละถังมีความจุ 20 ล้านลิตร แต่ถังที่โดนระเบิดมีน้ำมันเหลืออยู่ครึ่งเดียว ทำให้น้ำมันไหลรั่ว 3 หมื่นลิตรและเกิดเพลิงลุกไหม้

          เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงถึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นประเมินความเสียหายจากน้ำมันที่รั่วไหลและค่าซ่อมแซม ประมาณ 2 ล้านบาท ใช้เวลาซ่อมแซม60 วัน

          วัวหายล้อมคอกทันที นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน สั่งการให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเรียกประชุมผู้ประกอบการคลังน้ำมัน 80 แห่ง คลังก๊าซ 30 แห่งทั่วประเทศมาหารือ และเตรียมความพร้อมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นเพราะไม่ทราบว่าคนร้ายจะก่อเหตุเมื่อไหร่อีก

          อีกทั้งยังประสานงานไปยัง สตช. เพื่อขอความร่วมมือให้จัดตำรวจมาอารักขาความปลอดภัยบริเวณรอบนอกคลังน้ำมัน หรือให้ตั้งด่านตรวจบางจุดในถนนรอบเขตปริมณฑลที่เป็นที่ตั้งคลังน้ำมัน โดยคลัง

          น้ำมันบางแห่งอาจจะต้องขอตำรวจเข้าไปรักษาความปลอดภัยด้วย อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันแต่กระทบกับเศรษฐกิจอันฝืดเคืองของประเทศโดยตรง มีข้อมูลจากหาดใหญ่โพลล์ ของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความเห็นประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ พบว่าคนใต้ส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับราคาน้ำมันแพงเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการซื้อหา “น้ำมันเถื่อน” กันเอิกเกริกสาเหตุหลักส่วนต่างของราคาน้ำมันเถื่อนถูกกว่าน้ำมันในตลาดถึงลิตรละ 10-15 บาท เส้นทางการลักลอบเริ่มต้นจากมาเลเซีย หากขนกันทางบกจะมีจุดที่พบบ่อย 2 จุด คือ ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลาและด่านวังประจัน จ.สตูล ทั้งสองด่านนี้มีการลักลอบนำน้ำมันเข้ามาจำหน่ายประมาณ 2-3 หมื่นลิตรต่อวัน

          วิธีของพ่อค้ารายย่อยจะใช้รถยนต์ส่วนตัวและดัดแปลงตัวถังบรรจุน้ำมันเพื่อให้สามารถเติมน้ำมันได้เพิ่มจากถังขนาดปกติที่ติดมากับรถประมาณ 100-200 ลิตร คนทำมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ 500-1,000 บาทต่อวัน ทำให้พ่อค้ารายย่อยจำนวนมากหันมาลักลอบนำน้ำมันเถื่อนเข้ามาขายเพิ่มขึ้นกว่า 300-400 ราย

          ตำรวจพบอีกว่ามีวิธีตบตาใหม่ๆ เช่น นำป้ายทะเบียนปลอมมาใส่ และพ่นสีรถใหม่เพื่อหลอกไม่ให้จับได้ ใน อ.สะเดา นั้นแสบไม่ใช่เล่น ผู้ค้าน้ำมันเถื่อนรายย่อยในพื้นที่มีประมาณ 10 ราย แต่ละรายจะลงทุนซื้อรถป้ายแดงมาดัดแปลงถังน้ำมัน เพื่อให้เติมน้ำมันได้ครั้งละมากๆ โดยความจุจะอยู่ที่ประมาณ 900-1,000 ลิตร

          สถานีบริการน้ำมันเถื่อนจะว่าจ้างคนขับรถวันละ1,500-2,000 บาท ขับเข้าออกวันละ 2 เที่ยวต่อวัน ก่อนจะส่งขายต่อพ่อค้าคนกลางและปั๊มหลอด หากเป็นปั๊มหลอดขายลิตรละ 24-25 บาท ถ้าพ่อค้าคนกลางลิตรละ26-27 บาท เพื่อนำไปขายต่อให้ลูกค้าในราคาลิตรละ30-31 บาท

          ที่แสบทรวงก็คือ มีวิธีการตบตาเจ้าหน้าที่โดยปรับแต่งเข็มวัดน้ำมัน เพื่อรองรับการเติมน้ำมันเต็มถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเข็มวัดน้ำมันจะแสดงว่ามีการเติมน้ำมันไม่เต็มถัง แม้น้ำมันจะเต็มความจุแล้วก็ตามเจ้าหน้าที่ก็มักจะปล่อยผ่าน เพราะดูจากเข็มวัดน้ำมันเป็นหลัก

          ลือกันอีกว่า พ่อค้าน้ำมันยังจ่ายใต้โต๊ะให้แก่ปั๊มน้ำมันในฝั่งมาเลเซียเพื่อให้ปั๊มเติมน้ำมันในปริมาณเท่าไรก็ได้ แต่หากไม่จ่าย ทางปั๊มจะเติมให้แค่ 70-80 ลิตรเท่านั้น ค่าใช้จ่ายใต้โต๊ะก็อยู่ที่ 3 หมื่นบาท/เดือน หากวิ่งเข้าออกได้วันละ 2 เที่ยว แต่ละเที่ยวจะนำน้ำมันออกมาได้ประมาณ 900-1,000 ลิตร/วัน รายได้มหาศาลแบบนี้ถึงกล้าได้กล้าเสีย

          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐต้องปรับตัวให้รู้เท่าทันกลโกงของแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน เพราะหากรอดหูรอดตาไปมากเท่าไหร่ หรือเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจเสียเอง ก็จะทำให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตจำนวนมหาศาลในแต่ละปีมากเท่านั้น!!!  เจ้าหน้าที่รัฐต้องปรับตัวให้รู้เท่าทันกลโกงของแก๊งค้าน้ำมันเถื่อนเพราะหากรอดหูรอดตาไปมากเท่าไหร่ หรือเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจเสียเองก็จะทำให้ประเทศชาติสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตจำนวนมหาศาลในแต่ละปีมากเท่านั้น–จบ–

 

          ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

About The Author

aof

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.