Select Page

100 ความฝันในการบิน สู่การเป็นผู้รับและผู้ให้

100 ความฝันในการบิน สู่การเป็นผู้รับและผู้ให้

Sky Report ครอบครัวข่าว 3 ร่วมกับการบินพลเรือน และสายการบินแอร์เอเชีย จัดกิจกรรมพาน้องท่องฟ้าปี 53 “พาน้อง ท่องฟ้า…พาไออุ่น” ที่โต้โผใหญ่ใจดีรักเด็กก็คือ หนุ่ม “กฤต เจนพานิชการ”หัวหน้าทีมข่าว Sky Report

เรื่อง/ภาพ  : อรรถนนท์ จันทร์ทวีศักดิ์

           ฝูงบินครอบครัวข่าวได้เลือกน้องๆเยาวชนอายุ7-18 ปีจำนวน 100 คนให้มาสัมผัสประสบการณ์การบินครั้งแรก และความสนุกกับทริปพิเศษของพี่ๆทีม Sky Report และยังได้ช่วยเหลือสังคม โดยร่วมกันนำเสื้อผ้าและเครื่องกันหนาวไปมอบให้ผู้ประสบภัยหนาวที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 และ 10 ธันวาคม 2553 ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นิทรรศการการบินพลเรือน ครบรอบ 100 ปีของกิจการการบินไทยอีกด้วย

           กฤต เจนพานิชการ หัวหน้าทีมข่าว Sky Report เปิดเผยว่า ทางทีมข่าวได้เปิดโอกาสให้น้องๆช่วยส่ง SMS ในหัวข้อ “ทำไมถึงอยากจะบิน” เข้ามา ซึ่งปีที่แล้วก็เคยจัดไปแล้ว และปีนี้ก็มีน้องๆส่งมาเป็นพันข้อความ ที่หลากความรู้สึก หลายเหตุผล บางข้อความที่ส่งเข้ามาถึงขั้นทำให้อึ้งกับความคิดของพวกเขา  จนคัดเลือกได้เพียง 100 คน ที่โดนใจสุดๆ ซึ่งเป็นโอกาสหนึ่งของน้องๆที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์สนุกๆ บนเครื่องบิน ซึ่งแอร์เอเชียได้สนับสนุน 2 เที่ยวบินแบ่งกลุ่มเดินทางไปเชียงราย 50 คนและ ไปเชียงใหม่ 50 คน ซึ่งน้องๆจะได้ทราบว่าเครื่องบินนั้น นอกจากจะเดินทางไปทำข่าวแล้วยังสามารถช่วยเหลือสังคมได้เช่นกัน

          เยาวชนกลุ่มแรกที่ได้บินกับสายการบินแอร์เอเชียในวันที่ 9 ธันวาคม 2553  มี “คุณทัศพล แบเลเว็ลด์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อม ผู้บริหารช่อง 3 และทีมข่าว Sky Report ร่วมเดินทาง โดยได้นำผ้าห่ม ผ้าพันคอ ถุงยังชีพ ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ใจดี ทั้งในหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ไปมอบที่บ้านห้วยขม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

          ความพิเศษของเครื่องบินโดยสารที่น้องๆ ทั้ง 50 คนใช้โดยสารนั้น เป็นเครื่องบินแบบใหม่ที่สายการบินแอร์เอเชียได้นำเข้ามาใช้ ปัจจุบันมีจำนวน ทั้งสิ้น 20 ลำ และอนาคตข้างหน้าจะมีอีก 20 ลำ เป็นเครื่องบิน แอร์บัส เอ320 เป็นอากาศยานที่มีพิสัยบินระยะใกล้ถึงปานกลาง จำนวน 180 ที่นั่ง ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส  และ เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2531 โดย Air France และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดการผลิตมากกว่า 3,000 ลำ ทำให้ เอ 320 เป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีการผลิตมากเป็นอันดับสอง เป็นรองเพียงคู่แข่งอย่าง โบอิ้ง 737

         

          สำหรับ เด็กหญิงปฏิตา ปกครอง หรือ น้องลูกไม้ อายุ 8 ปี ศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคุ้มทองวิทยา แรงบันดาลใจที่ทำให้น้องลูกไม้มาร่วมกิจกรรมกับข้อความ SMS ที่ว่า “หนูอยากอยู่ใกล้ๆพ่อ” หลายคนเมื่ออ่านข้อความนี้ก็ต้องคิดเหมือนผม ในตอนแรกว่า คุณพ่อของน้องลูกไม้เป็นนักบิน ด้วยความสงสัยผมเลยถามต่อว่า “คุณพ่อเป็นนักบินหรือจ๊ะ”

          น้องลูกไม้ตอบมาด้วยน้ำเสียงใสๆ อย่างไร้เดียงสา ว่า “คุณพ่อหนูเสียชีวิตไปแล้วค่ะ คุณพ่ออยู่บนท้องฟ้า หนูเลยอยากมาอยู่ใกล้ๆคุณพ่อ”

          ความรู้สึกของผมในตอนนั้นอึ้ง แบบบอกไม่ถูก แต่ก็ถามน้องลูกไม้ต่อไปว่าตอนนี้หนูได้อยู่ใกล้ๆคุณพ่อแล้วหนูอยากบอกอะไรคุณพ่อ?

          น้องลูกไม้ตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดเลยว่า “หนูคิดถึงพ่อมากค่ะ” ความรู้สึกของผมในตอนนั้นรู้สึกถึงความรักที่น้องลูกไม้มีต่อคุณพ่อ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ผมได้หวนนึกถึงจินตนาการของตัวเองตอนเป็นเด็กเหมือนกัน ที่ผู้ใหญ่มักจะสอนว่า  “เมื่อเราตายแล้วจะได้ขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า”

          นอกจากนี้น้องลูกไม้ยังบอกถึงสาเหตุที่อยากขึ้นเครื่องบินด้วยว่าเพราะเธออยากเป็นนักบิน   และสำหรับกิจกรรมวันนี้ทำให้ได้ทั้งมาหาพ่อ และยังได้เพื่อนใหม่จากการเดินทางร่วมกัน และอนาคต “หนูจะต้องขึ้นมาทำงานบนนี้ ในฐานะนักบินให้ได้” น้องลูกไม้บอกอย่างมุ่งมั่น

          เช่นเดียวกับ เด็กหญิงขวัญนรี สุขสำราญ หรือน้องขวัญ อายุ 10 ปี ศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม 3 ที่มาไกลถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี   น้องขวัญเล่าว่า ได้ออกเดินทางมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาเพื่อมาร่วมขึ้นเครื่องบินครั้งแรก น้องขวัญยังบอกอีกว่า นอกจากจะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกแล้ว เธอยังได้ประสบการณ์ไปเล่าให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังได้อีกด้วย

          ความเหมือนโดยบังเอิญ สำหรับน้องลูกไม้ และน้องขวัญ ที่ผมมีโอกาสพูดคุย คือทั้ง 2 คนได้สูญเสียบุคคลที่อันเป็นที่รักไปตั้งแต่เด็ก และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้รับความใกล้ชิดจากความรู้สึกที่น้องได้จินตนาการว่าจะได้อยู่ใกล้ๆพ่อ บนท้องฟ้าสีขาว อันสดใสในวันนี้

          รอยยิ้มและเสียงหัวเราะพูดคุยของเด็กๆบนเครื่องบินทั้ง 50 คน ฟังแล้วดูมีความสุข สนุกสนาน ยิ่ง ณ นาทีที่เครื่องบินทยานขึ้นท้องฟ้า และลงสู่พื้น เสียงลุ้นของเด็กๆก็ยิ่งดังและลุ้นกันอย่างตัวโก่ง จวบจนนาทีที่เครื่องบินบินในระดับปกติเสียงกรี๊ด หวีดร้อง และเสียงปรบมือก็หายไป จนทำให้ผมและผู้โดยสารท่านอื่นลุ้นไปตามๆกัน

          หลังจากนั้นนาทีแห่งความสุขก็เกิดขึ้น พนักงานต้อนรับ นำอาหารมาบริการให้แก่ผู้โดยสาร และร่วมเล่นเกมส์เพื่อแจกของรางวัล โดยมี คุณจินดารัตน์ จินตนเสถียร หรือ เลดี้ ดาด้า หนึ่งในพนักงานต้อนรับของสายการบินแอร์เอเชียที่คอยเอ็นเตอร์เทน ผู้โดยสารด้วยน้ำเสียง สำนวนภาษา และท่าทางที่ร่าเริงแจ่มใส จนทำให้น้องๆ และผู้โดยสารอดที่จะยิ้ม และหัวเราะไม่ได้ตลอดการเดินทาง

          เลดี้ ดาด้า บอกว่า ความแตกต่างของการให้บริการระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก จะมีความแตกต่างกันที่เด็กต้องคอยดูแลเรื่องอาการอาเจียน และรายละเอียดเล็กๆน้อยที่เด็กไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็จะบริการในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะสุภาพ เรียบร้อยขึ้น แต่ยังคงยึดหลักที่จะสร้างความสุข และรอยยิ้มให้แก่ผู้โดยสาร สำหรับวันนี้ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องๆมีความสุขกับประสบการณ์การบินครั้งแรก

           ระยะเวลา 1ชั่วโมง 20 นาทีบนเครื่องบินที่เหินเวหา อยู่เหนือก้อนเมฆ จนถึงท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงราย น้องๆเยาวชนพร้อมทีมงานก็เดินทางมุ่งหน้ายังโรงเรียนบ้านห้วยขม ตำบลแม่ยาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งห่างจาก สนามบินประมาณ 8 กิโลเมตร

           นักเรียน ครูอาจารย์ ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิกระจกเงา รอต้อนรับพวกเราด้วยชุดประจำเผ่าม้ง การมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวนอกจากน้องๆที่โรงเรียนบ้านห้วยขมจะได้รับแล้ว  การมอบสิ่งของในวันนี้ยังส่งให้มูลนิธิกระจกเงา และจังหวัด เพื่อส่งต่อยังพื้นที่ประสบภัยที่ห่างไกลออกไปอีก โดยมีทีมข่าวของครอบครัวข่าว3 ติดตามโครงการไปจนถึงมือชาวบ้านเลย 

           หลังจากนั้นน้องๆเยาวชนก็เดินทางกลับไปยังขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงราย และโดยสารกลับมาที่กรุงเทพมหานครในช่วงเย็น

         

            แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ 1 วัน ในกิจกรรม “พาน้อง ท่องฟ้า…พาไออุ่น” แต่ สามารถทำให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้รับความสุขถึง 2 ต่อ คือ สุขที่เป็นผู้ให้แก่คนที่เดือดร้อน และสุขที่เป็นผู้รับจากผู้อื่น และนี่ก็เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยมีมาตั้งแต่อดีต ที่เยาวชนเหล่านี้ได้เรียนรู้จากชีวิตจริงในวันนี้………..

About The Author

aof

1 Comment

  1. Nui

    กิจกรรมที่ดีดีเพื่อสังคม ควรส่งเสริม+ สนับสนุน และทีมงานทุกๆคนควรได้รับการยกย่องค่ะ 😀

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.