Select Page

อารันดร์ อาชาพิลาส (ตอนที่ 3)

“…หากคุณคิดจะทำดีแล้วเนี่ย อย่าดูถูกความดีเล็กๆ แต่ละคนเกิดมามันไม่เท่ากันเป็นสัจธรรม แต่ความดีของท่านอาจจะเล็ก แต่มันเปลี่ยนแปลงโลก อาจจะใหญ่สำหรับคนหลายคน อาจจะแค่คนคนเดียวก็เกินคุ้มแล้ว ผมอยากจะฝากว่า อย่าดูถูกความดีเล็กๆ แล้วอย่างที่สอง หากจะลุกขึ้นมาทำธุรกิจเพื่อสังคม หรืออะไรก็แล้วแต่ อย่ากลัวความผิดพลาดครับ ยอมรับความผิดพลาดให้เร็วที่สุด แล้วก็แก้ปัญหา…” เป็นกำลังใจให้คนทำความดี จากบทสนทนาระหว่างอารันดร์ อาชาพิลาส กับ สายสวรรค์  ขยันยิ่ง

  

สายสวรรค์ : ประเทศไทยจะเข้าสู่จุดที่ทุกคนคิดอะไรเพื่อสังคมได้กำลังมากก็ทำมาก กำลังน้อยก็ทำน้อยไม่ต่างคนต่างอยู่ซะส่วนใหญ่เหมือนในทุกวันนี้อย่างที่คุณต้นบอก ว่าทำไมคนดีมักจะไม่ค่อยผนึกกำลังกันเท่าไร เราจะไปสู่จุดนั้นได้ด้วยวิธีไหนหรือเราจะต้องเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ บางคนบอกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คนมักจะเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อมีเรื่องอะไรมากระทบอย่างรุนแรงมันต้องขนาดนั้นไหมคนถึงจะหันมาทำความดีกันเยอะๆ

  

อารันดร์  : เป็นเรื่องๆครับต้องสร้างแนวคิดว่าเป็นไปได้ครับที่เป็นคนดีแล้วรวย คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวถึงจะรวยหรือเป็นคนดีแล้วจน เป็นคนดีมีทางเลือกเดียวคือจน??? ผมจะเล่าเรื่องให้ฟังว่า มูฮัมหมัด ยูนุส (*เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ปี ค.ศ. 2006 ผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน ธนาคารเพื่อคนจนแห่งแรกของโลก) เป็นแขก บังกลาเทศ เขาไปเรียนอเมริกาโลกตะวันตก เขากลับมาสอนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยในบ้านเขาเขาสอนแล้วสอนอีกทำไมคนในประเทศเขายังจนอยู่วันหนึ่งเขาตัดสินใจเดินไปคุยกับแม่ค้าในตลาด ผมจะทำไงให้ช่วยคุณได้ แม่ค้าก็บอกว่าเขาเจอปัญหาเจ้าหนี้นอกระบบ เก็บดอกเบี้ย 20         เปอร์เซ็นต์ กู้เงินตอนเช้าขายของจบ คืนเงินเจ้าหนี้เหลือตังค์แค่กินข้าว เขาก็ถามต่อไปว่า “แล้วผมจะช่วยคุณได้ยังไง” แม่ค้าเลยบอกว่า “ขอยืมเงิน 50 เหรียญ” ประมาณ 1,000 บาทวันพรุ่งนี้เขาจะไม่กู้เงินนอกระบบแล้วจะมากู้เงินกับคนนี้แทน แล้วขอดอกร้อยละ 7 หรือ 8 นี่แหละ ต่อวัน ซึ่งเขาส่งไหวเขามีรายได้ปรากฏวันต่อมาแม่ค้าคนนี้กลับเข้ามาแล้วก็เอาเงินมาคืนพร้อมดอก ทำให้เขาค้นพบว่าจริงๆแล้วคนจนให้กู้เงินกู้ไปก็ได้ หลังจากนั้นเขาก็ลองผิดลองถูก ไปหาแบงค์แบงค์ก็บอกว่าไม่เอา คนจนไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน จนเขาค้นพบระบบเงินกู้หมู่บ้านที่ผมว่าน่ารักมาก เขาคิดเงินกู้เฉพาะผู้หญิงด้วยสาเหตุที่ว่าผู้ชายไม่ใช้เงินคืน มันเอาเงินไปทำอะไรไร้สาระที่นี้สมมุติว่าในหมู่บ้านมีผู้หญิง 5 คน A, B, C, D, E A เนี่ยต้องการกู้ 50 เหรียญ  B   ต้องการกู้ 50 C ต้องการกู้ 50 D ต้องการกู้ 50 E ต้องการกู้ 100 เขาบอกว่าเอางี้ผมมีต้นให้คุณ 100 A กับ B เอาไปก่อน C D E จะได้ก็ต่อเมื่อ A กับ B ใช้คืน แล้วคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมันก็ต้องลุ้น ว่าเมื่อไรเธอจะจ่าย ฉันรอคิวอยู่ ซึ่งระบบนี้ทำให้มีรายการจ่ายคืน U-Tern Rate แล้วเขาก็เป็นคนดีที่รวย ดีแล้วรวยเป็นไปได้ ความคิดนี้ต้องเข้าไปอยู่ในสังคมไทยได้ อีกอันหนึ่งที่อยากให้คิดเงินที่เราให้บางคนบอกว่าให้เงินทำบุญไปแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ผมอยากจะบอกว่าคิดสักนิดเถอะครับ ว่าเงินที่ท่านทำบุญอยู่ตอนนี้มันสามารถเอาไปทำอะไรได้อีกหรือเปล่า หากสามารถทำได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อไรก็ตามที่เงินที่คุณให้ใช้ประโยชน์สูงสุดได้เนี่ยประเทศพลิก!!!

 

สายสวรรค์  : สุดท้าย ให้แรงบันดาลใจหน่อย คนรุ่นใหม่ที่อยากจะลุกขึ้นมา  ทำอะไรนอกเหนือจากแนวคิดที่ว่า ดีแล้วรวยได้ทำอะไรให้มีประโยชน์ทำอะไรในเชิงคุณค่ามากกว่าการมุ่งกำไรเป็นประโยชน์สูงสุดแล้วเนี่ยคนรุ่นใหม่เริ่มต้นยังไงในการที่แบบไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนมาโดยตรง ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีเงินถุงเงินถังเริ่มยังไงคะ

 

อารันดร์: ผมบอกตรงนี้เลยนะครับ ทุกคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกันเป็นธรรมชาติของโลกวันนี้หากคุณต้องการจะเปลี่ยนแปลงโลกเนี่ยขอให้มองไปรอบๆข้างคุณง่ายๆเลยว่าวันนี้คุณดูแลคุณพ่อคุณแม่คุณหรือยังคุณดูแลคนในครอบครัวหรือยัง ลูกหลานคุณอันธพาล เกเรหรือเปล่า คุณสามารถดูแลคนในครอบครัวคุณได้ไหมแค่นั้นแหละคุณกลับไปกอดพ่อแม่กลับไปทานข้าวกับท่านบ่อยขึ้นแค่นี้โลกท่านก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากคุณคิดจะทำดีแล้วเนี่ยอย่าดูถูกความดีเล็กๆ แต่ละคนเกิดมามันไม่เท่ากันเป็นสัจธรรม แต่ความดีของท่านอาจจะเล็กแต่มันเปลี่ยนแปลงโลกอาจจะใหญ่สำหรับคนหลายคน อาจจะแค่คนคนเดียวก็เกินคุ้มแล้ว ผมอยากจะฝากว่าอย่าดูถูกความดีเล็กๆแล้วอย่างที่สองหากจะลุกขึ้นมาทำธุรกิจเพื่อสังคมหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่ากลัวความผิดพลาดครับยอมรับความผิดพลาดให้เร็วที่สุด แล้วก็แก้ปัญหา เกิดมาไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดครับไม่ต้องกลัวแค่ยอมรับความผิดพลาด

 

สายสวรรค์  : คุณพ่อคุณแม่บ่มเพาะอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กไหมคะหรือว่าโตขึ้นมาแล้วเรียนรู้ ลองผิดลองถูกแล้วเกิดแรงบันดาลใจเอง เราได้อะไรจากคุณพ่อคุณแม่ในแง่นี้ไหม

 

อารันดร์ : คุณพ่อผมพูดว่า เขามีทุกวันนี้ได้โดยที่เขาไม่ได้เหยียบใครขึ้นมา แค่นี้สั้นๆง่ายๆผมก็เชื่อว่าคนเราสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้โดยที่ว่าไม่ต้องเหยียบใคร มันมีทางเลือกมนุษย์เรามีหลายทางสังคม โลกทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ผมเลยรู้สึกว่านี่เป็นคำพูดสั้นๆที่ผมได้จากท่าน

(คลิกชมคลิปวีดีโอการสนทนา)

 

About The Author

aof

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.