Select Page

ผู้บริโภคปี’56 ใช้เทคโนโลยีจำเป็นยั่งยืน

ผู้บริโภคปี’56 ใช้เทคโนโลยีจำเป็นยั่งยืน

แม้ประเทศไทยกำลังจะมีระบบโทรศัพท์ 3จี คลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตใช้อย่างเป็นทางการในปี 2556 แต่แนวโน้มหรือเทรนด์ของผู้บริโภค จากผลการศึกษาทั่วโลกของแมค แคน ทรูธ เซ็นทรัล สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของผู้บริโภคจะย้อนกลับมาสู่ความจำเป็นที่แท้จริง เพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต

สำหรับแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกได้ปรับสู่โหมดรีเซ็ตมาตั้งแต่ปีนี้ และปีหน้าได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น โดยเทรนด์หลักของโลก (Mega Trends) ปกระกอบด้วย 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ความจริง (Truth) 2.ความปรารถนา จินตนาการ (Wanderlust) 3.การริเริ่มสิ่งใหม่ (Pioneer) และ 4.การตระหนักรู้ (Illumination)

“ทั้ง 4 เทรนด์หลักของโลกสะท้อนให้เห็นถึงการแสวงหาความจริงในตราสินค้าและผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกันด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้เกิดจินตนาการความปรารถนาและคิดนอกกรอบมากขึ้น รวมไปถึงการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ แต่ยังไม่ลืมหันกลับมามองผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและโลก” วฤตดา วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรม (ซีไอโอ) บริษัท แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าว

ทั้งนี้ ภายใต้แนวโน้มของโลกที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดแนวโน้มใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มแรกจากเทรนด์เรื่องการแสวงหาความจริง ทำให้ผู้บริโภคใส่ใจสินค้าและผลิตภัณฑ์มากขึ้น เจาะลึกลงไปถึงที่มาและส่วนผสมกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากแบรนด์เล็กๆ จนแบรนด์ใหญ่นำมาสื่อสารกับผู้บริโภค

ประการต่อมาจากความปรารถนาของผู้บริโภค ที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดทำให้แนวโน้มการผสมผสาน ข้ามวัฒนธรรมและความคิด

แนวโน้มที่ 3 เป็นการใช้กลิ่นเพื่อเยียวยา เป็นการสื่อเพื่อให้เข้าถึงประสาทสัมผัส ของผู้บริโภค การสร้างประสบการณ์ ซึ่งสินค้าและบริการที่นำกลยุทธ์นี้มาใช้มีทั้งกลุ่มอาหาร สินค้าด้านความงาม ผลิตภัณฑ์สปา แม้กระทั่งสายการบิน

แนวโน้มที่ 4 สวรรค์แห่งการช็อป เทรนดังกล่าว วฤตดาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในเมืองไทย ด้วยการขยายตัวของสมาร์ทโฟน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 27% ของผู้บริโภค ทำให้การช็อปปิ้งมีสีสันมากขึ้น ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของผู้บริโภคที่มีต่อการช็อปปิ้ง เช่น ระบบเซ็นเซอร์ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้าเสมือนจริง การค้นหาตำแหน่งของผู้บริโภคเพื่อเชื่อมต่อกับแบรนด์ การขยายตัวของระบบอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ขณะที่ภายใต้แนวโน้มของการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่จะทำให้เกิดแนวโน้มที่ 5 คือ สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคนี้ เช่น อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันระหว่างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน  การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาการใช้ชีวิต เช่น ผลิตภัณฑ์ไนกี้พลัส ไนกี้ ฟูเอล เป็นเครื่องมือวัดระบบการเผาผลาญแคลอรี เป็นต้น รวมไปถึงการดูแลชีวิตด้วยตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีสัดส่วน 30% ของประชากรโลก

สำหรับการริเริ่มสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ทำให้เกิดเทรนด์ที่ 6 คือการกลับมาของเอเชีย เช่น ท่าเต้นแบบกังนัมสไตล์ แนวโน้มที่ 7 และ 8 เกิดขึ้นภายใต้กระแสแห่งความดีที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกและสิ่งแวดล้อม

“การทำความดีของแบรนด์จะไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือทางการตลาดเท่านั้น แต่จะเป็นคำสัญญาที่แต่ละแบรนด์ให้กับผู้บริโภค” วฤตดา กล่าวทิ้งท้าย

 

ที่มา หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม 2555 หน้าB1

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.