Select Page

“ทีวีดิจิตอล” เมกะเทรนด์แห่งโอกาส

“ทีวีดิจิตอล” เมกะเทรนด์แห่งโอกาส

อาจกล่าวได้ว่า “ทีวีดิจิตอล” นั้นเกี่ยวพันกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายตัว เช่น BEC, MCOT, TRUE, GRAMMY, RS, WORK, INTUCH, SAMART เป็นต้น ผมเองเชื่อมั่นว่าจะมีคุณผู้อ่านเป็นจำนวนไม่น้อยที่ได้ครอบครองหุ้นที่ผมได้เอ่ยนามไปแล้ว ผมจึงอยากขอนำเสนอมุมมองของผมที่คิดว่า อนาคตของทีวีดิจิตอลในประเทศไทยจะออกมามีหน้าตาอย่างไร? และจะมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นกอบเป็นกำหรือไม่? ดังนี้ครับ

หนึ่ง  เกือบทุกบ้านจะมี.. “กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล”

12 กันยายน 2555  กสทช.ได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (Must Carry) โดยได้กำหนดรายการโทรทัศน์ 7 ประเภท ที่ห้ามจอดำ ประกอบด้วย ซีเกมส์ อาเซียนพาราเกมส์ เอเชียนเกมส์ เอเชียนพาราเกมส์ โอลิมปิก พาราลิมปิก และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (ฟีฟ่าเวิลด์ คัพ ไฟนอล)

ในปัจจุบันพบว่า หลายบ้านมักจะมีกล่องรับสัญญาณทีวีกันหลายกล่องอยู่แล้ว เช่น เมื่อกลางปี 2555 ที่มีการถ่ายทอดบอลยูโรนั้น ก็เกิดปรากฎการณ์จอดำแพร่กระจายไปตามทีวีเป็นจำนวนมาก และส่งผลให้บรรดาคอบอลต้องรีบขวนขวายหากล่องรับสัญญาณทีวี “จีเอ็มเอ็มแซด” มาใช้งาน ในปีหน้า 2557 ก็จะมีการถ่ายทอดฟุตบอลโลก ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าก็จะเกิดปรากฎการณ์หาซื้อกล่องรับสัญญาณทีวี                          “ซันบ็อกซ์” ของกลุ่ม RS ที่ได้รับลิขสิทธ์ฟุตบอลโลก

ผมเองมองว่า อีกไม่นาน..เกือบทุกบ้านจะมีกล่องรับสัญญาณทีวีหลายกล่อง แต่กล่องรับสัญญาณทีวีที่เกือบทุกบ้านจะต้องมีนั่นก็คือ “กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล”  เพราะน่าจะเป็นกล่องรับสัญญาณทีวีเพียงอย่างเดียวที่จะมีโอกาสได้รับชมรายการกีฬาดังๆของโลกตามรายการที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

สอง  โมบายทีวี  “เกมส์เหนือเมฆ”.. ของทีวีดิจิตอล

คุณผู้อ่านคุ้นเคยกับคำว่า “วันแรงเงาแห่งชาติ” ไหมครับ? ชื่อดังกล่าวเกี่ยวพันกับละครดังทางทีวีที่ชื่อ “แรงเงา” ซึ่งได้สร้างปรากฎการณ์ทำให้ถนนในกรุงเทพฯโล่งอย่างผิดหูผิดตาในช่วงเวลาที่ละครเรื่องนี้ออกอากาศอยู่ เหตุดังกล่าวเป็นเพราะ มีผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยที่ติดละครทางทีวี แต่จะต้องรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อไปดูละครที่ตนเองชื่นชอบให้ได้

ทีวีดิจิตอล จะทำให้เกิดการรับสัญญาณที่มีคุณภาพสูงทั้งภาพและเสียง และต่อเนื่องไม่มีอาการสัญญาณหลุดบ่อยๆให้เห็นอีก ผมยังมองต่อไปด้วยว่า อีกไม่นาน…โทรศัพท์มือถือจะมีระบบรับสัญญาณทีวีดิจิตอลโดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้คนในกรุงเทพฯและทั่วเมืองไทยพากันดูทีวีในขณะเดินทาง และผมก็เชื่อด้วยว่า รถยนต์อีกเป็นจำนวนมากจะติดตั้งกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลไว้ในรถ เพราะภาพไม่กระตุก คุณภาพดี และที่สำคัญ..ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน่าจะต่ำกว่าการติดตั้งกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมเป็นอย่างมาก

สาม  ชัยชนะของ “คอนเทนท์”

คำพูดที่ว่า “Content is King” หรือแปลตามความได้ว่า “เนื้อหา..คือ พระเจ้า” นั้น จะยิ่งเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อจำนวนช่องฟรีทีวีจากเดิม 6 ช่องขยายมากขึ้นเป็นหลายสิบช่อง ผู้ชมก็จะมีทางเลือกในการรับชมทีวีเพิ่มขึ้นหลายเท่าทวีคูณ

เมื่อถึงเวลานั้น.. คุณภาพของเนื้อหารายการที่ออกอากาศ จะเป็นตัววัดอนาคตของสถานีทีวีนั้นๆว่าจะ..รุ่ง?  หรือจะ..ร่วง?  ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บรรดาบริษัทที่เป็นเจ้าแห่งคอนเทนท์ ไม่ว่าจะเป็น GRAMMY, RS, WORK ฯลฯ ต่างก็พากันแห่เข้ามาเพื่อเป็นเจ้าของทีวีดิจิตอลให้ได้ ปัจจุบันคาดว่า ประเทศไทยน่าจะมีประมาณ 22 ล้านครัวเรือนที่ดูทีวี ทีวีดาวเทียมน่าจะมีประมาณ 6 ล้านครัวเรือน เคเบิลทีวีอีก 6 ล้านครัวเรือน ซึ่งทั้งสองระบบรวมกันแล้วจะมีจำนวนทั้งสิ้น 12 ล้านครัวเรือน แต่มีเจ้าของทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีรวมกันแล้วมากกว่า 300 ราย ดังนั้นการจะให้มีผู้ชมเป็นหลักหลายล้านครัวเรือน..จึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก

สี่  “การวัดเรตติ้ง” อาวุธสำคัญ..ของทีวีดิจิตอล

ในปัจจุบันเม็ดเงินโฆษณาของฟรีทีวีที่มีเพียง 6 ช่อง (3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส) นั้นมีมูลค่าสูงกว่า 60,000 ล้านบาท และในอนาคตคาดว่าเมื่อเกิดทีวีดิจิตอลแล้วจะมีการรับชมทีวีมากขึ้น โดยเฉพาะการรับชมโมบายทีวีหรือทีวีเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมจากโทรศัพท์มือถือระหว่างการเดินทาง หรือการรับชมทีวีในรถยนต์ขณะกำลังสัญจร สิ่งเหล่านี้ก็คาดว่าจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ภายในระยะเวลาซัก 5 ปีหลังจากการเกิดของทีวีดิจิตอล

หัวใจสำคัญของการดึงเม็ดเงินโฆษณาซึ่งอาจสูงเป็นแสนล้านบาทของระบบทีวีดิจิตอลก็คือ ระบบทีวีดิจิตอลมีระบบการวัดเรตติ้งภายในระบบของมันเองอยู่แล้ว และด้วยข้อมูลเรตติ้งดังกล่าว..ก็จะทำให้บรรดาเจ้าของสินค้ายักษ์ใหญ่ทั้งหลายตัดสินใจลงโฆษณาได้อย่างง่ายดาย จึงดูเหมือนว่า ทางเดินของธุรกิจ “ทีวีดิจิตอล” จะถูกโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงการลงทุนที่เกี่ยวกับ “ทีวีดิจิตอล” อาจถือได้ว่า มีความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่สูงมากอยู่

เมื่อพูดถึง “ความเสี่ยง” ก็ทำให้นึกถึงคำพูดของอภิมหากูรูนักลงทุนของโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ที่พูดไว้ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing.”  แปลตามความได้ว่า “ความเสี่ยงมาจาก คุณไม่รู้ว่า…คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤาภาคม 2556 หน้า วิเคราะห์ 2

 

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.