ฉากชีวิตในบัลแกเรีย
หากคุณจำ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟศูนย์หน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แอนดีการ์เซียนักแสดงจากเรื่องเดอะก๊อดฟาเธอร์ (ภาค 3) สลับกันไปบ้าง
“หลายคนบอกว่าผมหน้าเหมือนเขาเลยครับ” เบอร์บาตอฟ เล่าว่า ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงทำผมทรงเดียวกับพี่แอนดี ศึกษาท่าทางการสูบบุหรี่เหมือนกับพี่แอนดี และฝึกฝนภาษาอังกฤษจากไตรภาคเดอะก๊อดฟาเธอร์ เพื่อดีดชีวิตขึ้นมาจากท้องถนนอันหม่นมืดในบัลแกเรีย สู่โรงละครแห่งความฝันที่เมืองแมนเชสเตอร์ (ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆ เขาจะสวมเสื้อของทีมนิวคาสเซิลเข้านอนก็เหอะ)
เบอร์บาตอฟพัฒนาทักษะลูกหนังของตัวเองขึ้นมาจากการเตะลูกบาสเกตบอลเก่าเขรอะ กระเป๋าสตางค์อันว่างเปล่าอย่าคิดเลยว่าเขาจะมีลูกฟุตบอลสักลูกไว้เตะจริงๆ น่ะ
ก่อนจะเริ่มเกมฟุตบอลสนุกๆ ในแต่ละวันเบอร์บาตอฟจะต้องเข้าคิว 8 ชั่วโมงเพื่อรอรับขนมปังหรือไม่ก็อาหารอื่นเติมท้องเติมพลังเสียก่อน
“เราจะมาถึงแถวตอน 6 โมงเช้า แล้วถ้าคุณเสียที่ไปก็ต้องไปต่อแถวใหม่ด้านหลัง” เบอร์บาตอฟให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะซัน
นี่ล่ะชีวิตของเด็กชายที่เติบโตขึ้นมาในประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งเบอร์บาตอฟบอกว่ามีนักฟุตบอลไม่เยอะนักหรอกที่ต้องเจออะไรอย่างเขา
ในวัย 17 ปี เบอร์บาตอฟได้เข้ามาเล่นฟุตบอลให้กับซีเอสเคเอ โซเฟีย ทีมเก่าของคุณพ่อ และที่แห่งนี้เองที่เขาตกเป็นเป้าหมายของหลายๆ ทีม ส่วนวิธีการคว้าตัวน่ะหรือ เรียกว่า “ลักพาตัว” จะยังดีเสียกว่า
จอร์จี อิลิเอฟ ยกพวกมา “ฉก” ตัวเขาไปโดยหวังจะให้ไปเล่นกับทีมเลฟสกี คัจสเตนดิล ของเขาเบอร์บาตอฟหาทางโทรศัพท์หาคุณพ่อ ซึ่งเจรจาปลดปล่อยลูกชายออกมาจากการครอบครองของแก๊งฉกแข้งทีมนี้ได้ในที่สุด
ลองถามเบอร์บาตอฟดูสิ เขาไม่ค่อยอยากจะพูดถึงนักหรอก
“มันเป็นประสบการณ์เลวร้ายมากครับ แต่มันก็นานมาแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ฝันร้ายของเบอร์บาตอฟไม่จบลงง่ายๆ แม้จะย้ายมาเล่นให้กับทีมลูกหนังในอังกฤษ เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เขาต้องพาเอเลนา ภรรยา กับ เดีย ลูกสาว หนีออกมาจากบัลแกเรีย เพราะว่าคุณแม่ของเขาได้รับคำเตือนว่าจะจัดการลักพาตัวทั้งสองสาว
ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าเบอร์บาตอฟต้องเจรจาลับอะไรสักอย่างเพื่อรักษาชีวิตลูกกับเมีย
อาจจะเป็นเพราะปัญหามากมายในชีวิตกระมังที่ทำให้เบอร์บาตอฟไม่ค่อยเข้าพวกกับใครในโอลด์แทรฟฟอร์ด ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมหลายคนจับกลุ่มหยอกล้อกันสนุกสนานที่สนามบินยามออกเดินทางไปแข่งเกมเยือน เขาจะอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง
ที่มา : โพสต์ ทูเดย์ วันที่8 เมษายน 2553