เด็กยุคใหม่ สืบสานนาฏศิลป์ไทย ใส่ใจวัฒนธรรม
เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมและต้องกลับเข้าห้องเรียน น้องๆหลายคนที่ได้ทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมกับครอบครัวคงมีเรื่องเล่ามากมายที่อยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เพื่อนๆ และคุณครูได้ฟัง เช่นเดียวกับเยาวชนกลุ่มนี้ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายเยาวชนวัฒนธรรมภาคฤดูร้อน” ซึ่งมีทั้งการเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนา ค่ายศิลปะ รวมทั้งนาฏศิลป์และดนตรี ที่วิทยาลัยนาฏศิลปได้ร่วมฝึกอบรมให้เด็กๆในชุมชนศาลายา จ.นครปฐม
เรื่องและภาพ : ณัฑฎ์ดนัย ฐิติระอานนท์
โครงการนาฏศิลป์ดนตรีในชุมชนศาลายานี้ถูกจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการนี้จะเปิดรับสมัครผู้ที่มีความสนใจทางด้านดนตรี ศิลปะ นาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์สากล ซึ่งในครั้งนี้ได้มีเยาวชนอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เข้าร่วมโครงการระหว่างเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม นับเป็นการเปิดพื้นที่การเรียนรู้ทางวัฒนธรรม และนันทนาการผ่านกิจกรรมเสริมสร้างสติปัญญา เพิ่มพูนทักษะด้านศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ และหลักธรรมทางศาสนา ทำให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และห่างไกลจากอบายมุข เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ก็มีการจัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ประจำปี ๒๕๕๖ ได้แสดงผลงาน อาทิ ภาพวาด จำนวน ๕๘ ภาพ ผลงานแอนิเมชั่น stop motion ผลงานสร้างสรรค์สารคดีชุมชน “เรื่องเล่าจากบ้านฉัน” นอกจากนี้ยังมีการแสดงทักษะด้านนาฏศิลป์ ดนตรี และขับร้อง
เริ่มต้นงานด้วยการแสดงตีกลองสะบัดชัย แต่เดิมทีกลองสะบัดชัยเป็นศิลปะของชาวล้านนา ในสมัยโบราณจะตีกลองสะบัดชัยเพื่อประกาศความเกรียงไกรของพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อได้รับชัยชนะจากข้าศึกหรือเมื่อมีการประลองฝีมือของขุนศึกและทหาร เพื่อให้เกิดความฮึกเหิมในการต่อสู้และใช้ในขบวนแห่พิธีทางศาสนา เช่น งานปอยหลวงของชาวล้านนา ซึ่งยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน ผู้ที่ตีกลองสะบัดชัยจะตีด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไวโลดโผนสนุกสนาน แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เด็กที่กำลังทำการแสดงตีกลองสะบัดชัยนั้น เป็นเด็กผู้หญิง ๒ คนตัวเล็กน่าเอ็นดู ซึ่งถ้าธรรมดาทั่วไปเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่คงอาจจะเลือกการฟ้อนรำหรือการเล่นดนตรี ผมจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูทั้งสองเลือกจะฝึกฝนตีกลองสะบัดชัย พอได้โอกาสผมจึงขออนุญาตคุณแม่ของน้องทั้งสองพูดคุยกับน้องๆ ถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
“น้องชมมะนาด” ด.ญ.ชมมะนาด อยู่ศรี อายุ ๙ ปี บอกว่า “ปีนี้เป็นปีแรกของหนูที่ได้เข้าร่วมโครงการ สิ่งที่ทำให้หนูเข้าร่วมก็เพราะอยากร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและหนูก็มีความชื่นชอบทางด้านนาฏศิลป์ด้วยคะ” ทางด้านของ “น้องมีมี่” ด.ญ.พรนภัส ลี อายุ ๘ ปี บอกว่า “หนูอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และหนูก็ชื่นชอบการตีกลอง เลยเลือกที่จะเรียนการตีกลองสะบัดชัย และหนูเองก็เป็นลูกครึ่งด้วยเลยอยากจะอนุรักษ์ศิลปะของไทยไว้ค่ะ” และน้องทั้งสองยังขอฝากถึงเพื่อนๆ ว่าปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้าอย่าลืมมาเข้าร่วมโครงการดีๆ จะได้ร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ของไทยให้คนรุ่นหลังกัน ทางด้านคุณแม่ของน้องทั้งสองคน “คุณหทัยกาญจน์ อยู่ศรี” และ “คุณพรทิพย์ ปุณณโกวิท” กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บุตรสาวของทั้งคู่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการตีกลองเลย น้องต้องเรียนตีกลอง ๒ ชั่วโมง และฝึกซ้อมการแสดงเป็นเวลา ๙ วัน ต้องเริ่มพื้นฐานใหม่หมด จึงขอชื่นชมคุณครูผู้ฝึกสอนที่อดทนและใจเย็นในการสอน และจะสนับสนุนให้ลูกเข้าร่วมโครงการนี้ทุกๆ ปี เนื่องจากตรงกับช่วงเวลาปิดเทอมจึงอยากให้เขาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
นอกจากการแสดงกลองสะบัดชัยแล้ว ยังมีการแสดงอื่นๆ อีก ทั้งระบำไตรรัตน์ เป็นการแสดงที่วิทยาลัยนาฏศิลปได้อัญเชิญบทร้องพระราชนิพนธ์ของพระมหาธีรราชเจ้าในละครพูด เรื่อง “ปล่อยแก่” ของนายบัว วิเศษกุล ซึ่งเป็นบทส่งท้ายตอนจบของเรื่องนั้น ใช้ทำนองแขกบรเทศ เรียกกันทั่วไปว่า “เพลงพุทธานุภาพ” หมายถึง ขออำนาจแห่งไตรสรณะ จงดลบันดาลให้เกิดสรรพมงคลและสุขสวัสดิ์ แก่ผู้ที่มาร่วมงานโดยทั่วหน้า
การแสดงตารีกีปัส ศิลปะการแสดงพื้นเมืองภาคใต้ ซึ่งคำว่า “ตารี” แปลว่าระบำหรือฟ้อนรำ และ “กีปัส” แปลว่าพัด ดังนั้นตารีกีปัส จึงมีความหมายว่าการฟ้อนรำที่ใช้พัดประกอบการแสดงเข้ากับทำนองเพลงที่มีความไพเราะอ่อนหวาน
การแสดงชุดถัดมาเป็นการเชิดหุ่นกระบอกไทย ตามแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัย เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้กาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไปยาวนานสักเพียงใด การแสดงหุ่นกระบอกไทยก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยและยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อยู่เช่นเดียวกัน
ต่อด้วยการขับร้องประสานเสียงเพลงสวัสดี เนื้อหาของเพลงนั้นเป็นการพูดถึงคำทักทายของประเทศต่างๆ พร้อมทั้งมีการแสดงท่าทางประกอบเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย และเพลงพระราชนิพนธ์ “อาทิตย์อับแสง” ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๘ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มาถึงการแสดงที่ผู้ชมให้ความสนใจกันมากนั่นก็คือโขน รามเกียรติ์ ที่ยกมาเฉพาะตอนตรวจพลลิง ในเพลงกราวนอก การแสดงชุดนี้มีความหมายถึงการตรวจความเรียบร้อย ความพร้อมของพลวานรก่อนทำการรบ สาเหตุที่ผู้ชมให้ความสนใจ เพราะนักแสดงนั้นล้วนแต่เป็นเด็กน้อยที่มีอายุตั้งแต่ ๓ ขวบขึ้นไป เดินจับหางต่อกันไปเป็นแถว พร้อมทั้งโชว์การตีลังกาและแสดงท่าทางเป็นลิง อย่างน่ารักน่าเอ็นดู
และนักแสดงที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษนั้นก็คือ “น้องกังฟู” ด.ช.ธนพนธ์ โพโต พลทหารลิงน้อยวัย ๓ ขวบครึ่ง ที่เป็นนักแสดงที่อายุน้อยที่สุดแต่กลับมีความสนใจทางด้านศิลปวัฒนธรรม “คุณธันยกร พรพานิช” คุณแม่ของน้องกังฟูบอกว่า “เคยพาน้องกังฟูไปดูโขนตั้งแต่น้องอายุ ๒ ขวบ น้องกังฟูจึงชอบและอยากเรียนโขน แต่ตอนนั้นอายุของน้องยังไม่ถึงคุณแม่จึงรอให้โตและพร้อมเสียก่อน จนได้รู้จักกับโครงการนี้ และอายุของน้องสามารถเรียนได้แล้ว จึงพาน้องไปสมัครเรียนโขนตามที่เขาต้องการ ส่วนเรื่องอนาคตหากเขามีความสนใจทางด้านนี้ก็จะสนับสนุนต่อไปไม่มีการปิดกั้นค่ะ” คุณแม่น้องกังฟูกล่าว
และมาถึงการแสดงชุดสุดท้ายคือ “การแสดงรำวงมาตรฐาน” ที่เป็นการแสดงที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย โดยนักแสดงแต่ละคู่จะแต่งตัวตามยุคสมัยต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย
ในปัจจุบันนี้ค่านิยมของคนไทยได้เปลี่ยนไป เด็กส่วนใหญ่รับอิทธิพลวัฒนธรรมของชาวตะวันตกจนหลงลืมความเป็นไทย และกลับมองวัฒนธรรมไทยว่าโบราณ ล้าสมัย ดังนั้น เด็กและเยาวชนที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการทางด้านศิลปวัฒนธรรมในช่วงปิดเทอมเช่นนี้ นอกจากจะได้รับความรู้และประสบการณ์ดีๆแล้ว ยังทำให้สังคมไทยมีความหวังว่าคนรุ่นใหม่จะช่วยอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ต่อไป เด็กบางคนประทับใจจนขอเข้าร่วมโครงการต่อเนื่องทุกๆ ปี และเมื่อมีทักษะเพ่ิมพูนขึ้นก็สามารถสอบเข้าเรียนในวิทยาลัยนาฏศิลปได้โดยตรง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะทำให้เด็กๆเกิดทักษะ พัฒนาสติปัญญาและสมาธิแล้วยังมีส่วนสำคัญในการปลูกฝังกิริยามารยาทที่งดงามและสร้างความภูมิใจในความเป็นไทย.-
ขอขอบคุณ : กระทรวงวัฒนธรรม , วิทยาลัยนาฏศิลป , โรงละครแห่งชาติ