
คนไทยเครียดเพิ่ม37% หลังเหตุปะทะ10 เมษายน 53

กรมสุขภาพจิต เผย คนไทยเครียดเพิ่มขึ้น หลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 พุ่งสูงกว่า 37% แล้ว
น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่กรมสุขภาพจิต ดำเนินการสำรวจอารมณ์ทางการเมืองของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ โดยสุ่มสำรวจประชาชน 4 ภาค ภาคละ 200 คน และในกรุงเทพฯ อีก 200 คน เริ่มสำรวจก่อนเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 1 ครั้ง และหลังจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. อีก 3 ครั้ง โดยจากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่า ภาพรวมทั้งประเทศ มีอารมณ์ร่วมทางการเมืองอยู่ในขั้นรุนแรงร้อยละ 25-30 แต่ที่น่าห่วงมากที่สุด คือ ผลสำรวจเฉพาะประชาชนในกรุงเทพฯ เพราะมีระดับอารมณ์ทางการเมืองรุนแรงสูงกว่าทุกภาค และสูงมากที่สุดเท่าที่เคยสำรวจมา คือ สูงถึงร้อยละ 37 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก นับเป็นภาวะวิกฤติของสุขภาพจิตประชาชนในกรุงเทพฯ เพราะการที่มีอารมณ์ทางการเมืองรุนแรงจะส่งผลต่อระดับความเครียด จิตใจว้าวุ่น นอนไม่หลับ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น เช่น เกิดการโต้แย้ง ทะเลาะวิวาท และเมื่อพบกับผู้ที่มีความเห็นต่างกัน มีโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงสูง
น.พ.ยงยุทธ กล่าวต่อไปว่า หากพบว่า มีอาการกังวลต่อปัญหาบ้านเมือง ต้องคอยติดตามข่าวสารตลอด ชอบชวนคุยเรื่องการเมือง แสดงว่า มีอารมณ์ทางการเมืองเข้าขั้นรุนแรง 1.ควรบริหารเวลาให้เหมาะสม ไม่ควรติดตามข่าวสารติดต่อกันเป็นเวลานาน 2.ลดการรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะสื่อที่กระตุ้นอารมณ์ นำเสนอข่าวด้านเดียว 3.หาวิธีการลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย สวดมนต์ ทำสมาธิ เป็นต้น ในส่วนครอบครัวและชุมชนก็เป็นอีกส่วนที่จะช่วยลดอารมณ์ผู้ที่มีอารมณ์ทางการเมืองรุนแรงด้วยการรับฟัง ชื่นชม ห่วงใย และให้คำแนะนำ ขณะที่เครือข่ายสังคมในอินเทอร์เน็ต ควรลดความรุนแรงใน
การแสดงอารมณ์ และความคิดเห็นลงด้วย