![พระบรมเดชานุภาพแห่งองค์จอมทัพไทยที่โลกจารึก พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ครั้งแรกในรัชกาลที่ ๑๐](https://www.saisawankhayanying.com/wp-content/uploads/2024/12/ปกพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน-150x150.jpg)
กระทง 4 ภาคสายใยแห่งสายน้ำ
![กระทง 4 ภาคสายใยแห่งสายน้ำ](https://www.saisawankhayanying.com/wp-content/uploads/2010/11/Lol.jpg)
วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริง วันลอยกระทง………………
ประเพณีลอยกระทงเป็นหนึ่งในเทศกาลแห่งความสนุก ความรื่นรมย์ และเป็นประเพณีแห่งความเชื่อของชาวไทยที่ว่าเป็นการลอยเพื่อขอขมาพระแม่คงคา สักการะรอยพระพุทธบาท บ้างก็ว่าเป็นการลอยทุกข์ลอยโศกฯ
เรื่อง: อนุสรณ์ มีบุญ \ ภาพ: ชัยเวช ดวงมั่น นิสิตฝึกงาน
ประเพณีลอยกระทงนั้น สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับสายน้ำ เพราะน้ำถือเป็นสิ่ง สำคัญสำหรับการหล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภคอยู่เป็นประจำทุกวัน แม่น้ำ-ลำคลองนับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็น ทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ วิถีชีวิตของมนุษย์จึงมีความผูกพันกับการใช้น้ำประกอบการดำรงชีวิต ส่วนหนึ่งจึงมีพิธีกรรม หรือการบูชาแม่น้ำ ที่มีการสืบทอด ประเพณีสำคัญนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเช่น
ภาคเหนือ นิยมทำโคมลอย เรียกว่า “ลอยโคม” หรือ “ว่าวฮม” หรือ “ว่าวควัน” ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบอลลูน ประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า ยี่เป็ง หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่(ซึ่งนับวันตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
จังหวัตาก จะลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า “กระทงสาย”โดยจะเริ่มจากการลอย “กระทงนำ” ซึ่งเป็นกระทงขนาดใหญ่ที่ประดิดประดอยอย่างสวยงามยิ่งใหญ่อลังการนำไปก่อนจากนั้นจึงลอย “กระทงสาย” ซึ่งเป็นกะลามะพร้าวให้ต่อเนื่องกันเป็นสายไปตามกระแสน้ำ เมื่อครบพันดวงแล้ว จึงลอย “กระทงตาม” ต่อไปในกระทงตาม มักมีการจุดพลุ หรือ ไฟพะเนียง หรือไฟเย็น หรืออื่นๆ แสดงสัญลักษณ์ว่าลอยกระทงสายเสร็จสิ้นสายนั้นๆ แล้ว ในขณะเดียวกัน บนเวที ก็ต้องมีการแสดงประกอบให้เริ่มต้น และจบลงพร้อมๆ กับการลอยกระทงสายด้วยเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังลอยกระทงอยู่ และการลอยกระทงสายนั้นแสดงให้เห็นความร่วมมือร่วมใจและช่วยเหลือกันอย่างแท้จริง เพราะคนๆ เดียว ไม่สามารถจะลอยได้อย่างสวยงามแน่นอน เหมือนกับที่เขาว่าไว้ “สามัคคีคือพลัง”
จังหวัดสุโขทัย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องประเพณีลอยกระทง ด้วยความเป็นจังหวัดต้นกำเนิดของประเพณีนี้ โดยการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟที่จังหวัดสุโขทัยถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจำลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุงสุโขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จังหวัดสุโขทัยทุกๆ ปี มีทั้งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง
ภาคอีสาน ในอดีตมีการเรียกประเพณีลอยกระทงในภาคอีสานว่า สิบสองเพ็ง หมายถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองซึ่งจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป เช่น
จังหวัดร้อยเอ็ด มีชื่องานประเพณีว่า “สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป” ตามภาษาถิ่นมีความหมายถึงการขอขมาพระแม่คงคา ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง การประกวดประทีปโคมไฟและกระทงอันสวยงาม มีการจำลองแห่หัวเมืองสาเกตุนครทั้ง11 หัวเมือง
จังหวัดสกลนคร ในอดีตจะมีการลอยกระทงจากกาบกล้วย ลักษณะคล้ายกับการทำปราสาทผึ้งโบราณ เรียกงานนี้ว่าเทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สิบสองเพ็งไทสกล
จังหวัดนครพนม จะตกแต่งเรือแล้วประดับไฟ เป็นรูปต่างๆ เรียกว่า “ไหลเรือไฟ“โดยเฉพาะที่จังหวัดนครพนมเพราะมีความงดงามและอลังการที่สุดในภาคอีสาน
ภาคกลาง มีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้นทั่วทุกจังหวัด
กรุงเทพมหานคร จะมีงานภูเขาทอง เป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว 7-10 วัน ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลังวันลอยกระทง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการจัดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในงานมีการจัดแสดงแสง สี เสียง อย่างงดงามตระการตา
ภาคใต้ ส่วนใหญ่จะนำหยวกกล้วยมาทำเป็นแพ บรรจุเครื่องอาหารแล้วลอยไป จะลอยเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อให้หายเจ็บหายไข้ เป็นการลอยเพื่อสะเดาะเคราะห์
ด้วยความแตกต่างในแต่ละท้องถิ่นนี้เอง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้มีการจัดประกวดกระทงไทยสี่ภาค ในโครงการ “วัฒนธรรมกับสายน้ำสู่ประเพณีลอยกระทง” ขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันกว่า20ทีมด้วยกัน วัสดุที่นำมาประดิษฐ์กระทงล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุจากธรรมชาติแทบทั้งหมด แต่ละทีมต่างโชว์ฝีไม้ลายมือความประณีต ลวดลายที่สวยงาม และจินตนาการที่สร้างสรรค์ตามสไตล์ของเยาวชนรุ่นใหม่ งานนี้คณะกรรมการตัดสินถึงกับหนักใจในการให้คะแนนกันเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวด ประเภทกระทงอนุรักษ์ ได้แก่ทีมที่ 17 เป็นทีมบุคคลทั่วไป และผู้ชนะการประกวด ประเภทกระทงสร้างสรรค์ ได้แก่ ทีมที่ 3 นายกิตติศักดิ์ ฤทธิ์น้อย
นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่นยังมีการประกวด การละเล่นที่มีความหลากหลาย ถึงแม้ว่าประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยในแต่ละภาคนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แต่ทัศนคติ ความเชื่อที่อยู่ในสายเลือดของความเป็นไทยไม่ได้ผิดเพี้ยนกันไปเลย ทั้งยังมีการปฏิบัติสืบทอดกันเรื่อยมา