Select Page

เศรษฐีไม่ง้อโชคชะตา…ขอรวยด้วยลำแข้ง

เศรษฐีไม่ง้อโชคชะตา…ขอรวยด้วยลำแข้ง

เปิดศักราชใหม่รับปี 2013 ทั้งที ประเดิมด้วยการหยิบเรื่องคนรวยๆ มหาเศรษฐีระดับโลกที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งตัวเองมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ยอดมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา

               

ฮีโร่ของคนล่าฝันที่ร่ำรวยด้วยสองมือกับหนึ่งสมอง ต้องยกให้ “บิล เกตส์” มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก วัย 57 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น มีสินทรัพย์ 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เขาขึ้นแท่นเป็นบุคคลมั่งคั่งที่สุดของอเมริกา ทั้งๆที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย โดยตัดสินใจพักการเรียนจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เพื่อบุกเบิกพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ถ้าจะว่ากันแล้ว “บิล เกตส์” คือโรลโมเดล ของพ่อมดไอทียุคใหม่ทั้งหลาย ซึ่งสร้างความมั่งคั่งต้องแต่อายุน้อยๆ ด้วยการคิดนอกกรอบ โดยแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดไมโครซอฟท์ เมื่อหลายทศวรรษก่อน มาจากความคิดง่ายๆที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราทุกคนมีคอมพิวเตอร์ราคาถูกใช้เป็นของตัวเอง”

มหาเศรษฐีหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้งตัวเอง จนขึ้นทำเนียบฟอร์บส์ก็คือ “คาร์ลอส สลิม เฮลู” เจ้าพ่อโทรคมนาคมเม็กซิกัน วัย 72 ปี ครองแชมป์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกต่อเนื่องหลายปี ด้วยสินทรัพย์ 69,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะโตมาในร้านขายของชำแต่ “คาร์ลอส” ก็คิดการใหญ่ฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน เขาเริ่มต้นสร้างตัวด้วยกันการกว้านซื้อธุรกิจซบเซาและเข้าไปบริหารให้มีกำไร เมื่อเก็บเงินเก็บทองได้ก้อนใหญ่จึงเปิดบริษัทโฮลดิ้ง 2 แห่ง เน้นลงทุนในตลาดหุ้น,ธนาคาร,ประกันภัย และบริหารกองทุนบำนาญ ส่วนอีกแห่งทำธุรกิจโทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ต ในช่วงที่ละตินอเมริกาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ช่วงต้นทศวรรษ 1980 “คาร์ลอส” พลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการไล่ซื้อกิจการใกล้เจ๊ง นำมาปรับปรุงฟันกำไรมหาศาล แต่จุดหักเหที่หนุนส่งให้ขึ้นทำเนียบมหาเศรษฐีโลกคือ การจับมือกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมฝรั่งเศสและแคนาดา ประมูลกิจการ “เทลแม็กซ์” จากรัฐบาลจังโก้ ทำให้ร่ำรวยและผูกขาดธุรกิจโทรคมนาคมเม็กซิกันถึง 90%

 

ข้ามฝั่งมาเอเชียบ้าง เจ้าแห่งตำนานสู้แล้วรวย ไม่มีใครลือลั่นเท่า “ลี กาชิง” มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเกาะฮ่องกง วัย 84 ปี  มีทรัพย์สิน 25,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครอบครัวของเขามีถิ่นกำเนิดอยู่ในซัวเถา ช่วงที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา พ่อของเขาต้องหอบหิ้วลูกเต้ามาทำงานที่ฮ่องกงเพื่อหนีความจน ด้วยความจนทำให้เขามีโอกาสเรียนหนังสือถึงแค่มัธยมต้น และต้องหาเลี้ยงครอบครัวแทนพ่อ ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัณโรค ก่อนตายเขาสัญญากับพ่อว่า ครอบครัวเราจะต้องมีชีวิตที่สุขสบาย เด็กหนุ่มสู้ชีวิตเริ่มทำงานหาเงินด้วยการเป็นเซลล์แมนขายผลิตภัณฑ์พลาสติก กระทั่งอายุ 17 ปี จึงมีเงินทุนเปิดโรงงานพลาสติกเป็นของตัวเอง โดยเน้นผลิตดอกไม้พลาสติกคุณภาพดีราคาถูก ปรากฏว่าธุรกิจพลาสติกรุ่งสุดขีด ทำให้มีเงินก้อนใหญ่ไปลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำเงินให้เขามหาศาล ก่อนจะต่อยอดไปทำธุรกิจอีกหลายแขนง โดยเขาประสบความสำเร็จมากจากการทำธุรกิจบริหารท่าเรือ และตู้คอนเทนเนอร์สินค้า จนได้รับการขนานนามให้เป็นเจ้าพ่อท่าเรือของโลก

อีกหนึ่งมังกรผงาดที่รวยด้วยลำแข้งก็คือ “สแตนลีย์ โฮ” เจ้าพ่อกาสิโนมาเก๊า วัย 91 ปี เขาเกิดในตระกูลเศรษฐีทรงอิทธิพลของฮ่องกง แต่ครอบครัวพังไม่เป็นท่า หลังพ่อถูกฟ้องล้มละลาย และหายตัวลึกลับ พี่ชายสองคนฆ่าตัวตาย ปล่อยให้เขาต้องหาเลี้ยงแม่และพี่สาวอีกสองคน “โฮ” บอกว่า ยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์พลิกชีวิตหลังพ่อล้มละลาย แม่ใช้ให้เขาไปขอความช่วยเหลือญาติ แต่ญาติคนนั้นกลับเยาะเย้ยถากถางให้อับอายขายหน้า ความทุกข์ใจวันนั้นเปลี่ยนเป็นพลังฮึดสู้ ทำให้อยากเอาชนะวกญาติๆ เขาสาบานกับแม่ว่า คอยดูให้ดีผมจะรวยภายใน 10 ปี สิ่งแรกที่เขาปฏิบัติตัวเองคือ การตั้งใจเรียนเพื่อผลักดันให้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก เขาเคี่ยวเข็ญตัวเองจนกลายเป็นนักเรียนคนเดียวจากห้องบ๊วยที่สอบได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของฮ่องกง และเริ่มต้นทำงานกับบริษัทิมพอร์ตเอ็กพอร์ตของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในมาเก๊า ด้วยความซื่อสัตย์และชำนาญหลายภาษา ทำให้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นหุ้นส่วนบริษัท ตั้งแต่อายุ 22 ปี หลังจากเก็บหอมรอมริบหลายปี เขาตัดสินใจเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง สร้างตัวได้จากยุคบูมของอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง แต่ก้าวสำคัญที่ทำให้กระโดดขึ้นสู่ความเป็นบิลเลียนแนร์คือ การประมูลได้สัมปทานเปิดกาสิโนผูกขาดในมาเก๊า แม้ภายหลังโปรตุเกสส่งมอบมาเก๊าคืนจีนแล้ว และรัฐบาลเปิดแข่งขันเสรี “โฮ” ก็ยังคุมธุรกิจกาสิโนในมาเก๊าไว้ในมือถึง 70%

 

 

ที่มา : คอลัมน์คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2555 หน้า 2

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.