Select Page

10 เทรนด์ฮอตปี 2014

10 เทรนด์ฮอตปี 2014

เหลืออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์นี้ ที่เตรียมเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ.2557 หรือ ค.ศ.2014 โดยเว็บไซต์แบรนด์บุฟเฟต์ http://www.brandbuffet.in.th นำเสนอแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกที่กำลังเกิดขึ้นในปีหน้า จากการคาดการณ์ของบริษัทตัวแทนสื่อโฆษณาระดับโลก (เอเยนซี) JWT โดยหน่วยงาน JWT Intelligence

สำหรับปี 2014 ใช้ชื่อว่า JWT 10 Trends for 2014 and beyond เพื่อนักการตลาด นักโฆษณา และแบรนด์ จะได้นำไปปรับกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาของตนเอง

ภาพแสดง 10 เทรนด์ฮอตปี 2014

ภาพแสดง 10 เทรนด์ฮอตปี 2014

1. ประสบการณ์แบบดื่มด่ำ (Immersive experiences) ผู้บริโภคมักคาดหวังกับแบรนด์มากขึ้นที่จะมีสิ่งเอ็นเตอร์เทนเม้นที่ทำให้ผู้บริโภคดื่มด่ำและสัมผัสในทุกประสาทสัมผัส
2. คุยด้วยภาพ (Do you speak visual)พวกเรากำลังอยู่ในโลกที่เน้นการมอง ทั้งกล้อง กล้องวีดีโอ และคอมพิวเตอร์ อยู่ในมือตลอดเวลาทั้งวัน Instagram ตอนอาหารเช้า เฟซบุ๊คขณะเดินทางไปทำงาน ทวีตภาพให้เพื่อนตอนอาหารค่ำ เป็นต้น ภาพจึงกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวตประจำวันไปแล้ว
3. ยุคของความ “ไม่ทน” (The Age of Impatience) นอกจากยุคที่เต็มไปด้วยการมอง(ภาพ) เรายังอยู่ท่ามกลางยุคที่ไม่มีความอดทน ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้รับความรวดเร็ว ความสะดวกสบาย มากกว่าแต่ก่อน และดูเหมือนจะถูกกระตุ้นจากสิ่งยั่วยุได้ง่าย ตัวอย่างเช่น Ebay Now บริการส่งสินค้าอะไรก็ได้คุณต้องการ (สินค้าท้องถิ่น) ภายใน 1 ชม. เพียงแค่จ่ายเพิ่ม 5 เหรียญ
4.เทคโนโลยีมือถือประตูสู่โอกาส (Mobile as Gateway to Opportunity) การมีมือถือสมาร์ทโฟนนั้นหมายถึงคุณเชื่อมต่อไปทั่วโลก เทคโนโลยีด้านมือถือก็ถูกพัฒนามากขึ้นทุกขณะ หรือแม้แต่ข้อความ SMS สามารถทำให้ผู้คนเข้าถึงเรื่องราวสุขภาพ การศึกษา และ การเงินได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น การร่วมมือของ Vodafone กับ กระทรวงอาหารและเกษตรของประเทศตุรกี ให้ชาวไร่ชาวสวนได้รับอัพเดทสภาพอากาศ กฏระเบียบ และ ราคาตลาด ผ่านมือถือ
5. คอมพิวเตอร์อ่านใจ (Telephatic Technology) ซอฟแวร์จดจำอารมณ์และระบบตอบโต้แบบอัจฉริยะ เทคโนโลยีเหล่านั้นอยู่รอบๆตัวคุณ นั้นหมายถึงว่า เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังจดจำและล่วงรู้อารมณ์ของคุณได้ (แม้ว่าคุณจะแกล้งยิ้ม สมาร์ทโฟนก็ยังรู้) ตัวอย่างเช่น เนสท์เล่ บริษัทอาหารและเครื่องดื่มชื่อดัง วิเคราะห์และจับคลื่นสมองของนักศึกษา ขณะที่พวกเขากำลังกินช๊อคโกแลต Kit Kat เนสท์เล่ จึงเอาข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างสินค้าให้เหมาะกับแต่บุคคล

6. จุดจบของการหลบซ่อน (The End of Anonymity) ซ่อนยังไงก็ไม่เจอ ถ้าหากมือถือติดตัวอยู่กับคุณ ไม่ว่าคุณจะหลบอยู่ที่ไหนเพื่อนๆหรือบริษัทยังไงก็ตามคุณเจออย่างแน่นอน และชีวิตนี้ไม่สามารถขาดมือถือได้ จึงทำให้ผู้คนไม่สามารถวางมือถือได้ลง ตัวอย่างเช่น ปั้มแก๊ส Tesco ในประเทศอังกฤษ ได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยืนอยู่หน้าปั๊ม เมื่อมีการโชว์โฆษณาขึ้น ระบบตรวจจับจะรู้ว่าผู้บริโภคมองโฆษณานานเท่าไหร่อีกด้วย
7. ทั้งรักทั้งเกลียด (Raging Against the machine) แม้ว่าเราจะบูชาเทคโนโลยี แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกเกลียดมันเหมือนกัน เราต่างก็พยายามที่จะหลอกตัวเองเราไม่ได้เข้าไปสิงอยู่ในคอมพิวเตอร์ และจริงๆเราก็ยังมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์แบบตัวต่อตัวอยู่นะ ไม่ใช่เพียงผ่านสมาร์โฟนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นความนิยมในสิ่งที่มีความเป็นมนุษย์และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ
8. วัฒนธรรมแบมิกซ์ๆ (Remixing Traditional) พิธีกรรม วัฒนธรรม หรือ แบบแผนเก่าๆที่ถูกสืบทอดหรือทำกันต่อกันมาจะถูกผสมกับสิ่งหนึ่ง แล้วเกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่ของสังคม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคน ตัวอย่างเช่น การใช้เวลาสวดมนต์นานๆในโบสถ์จะลดน้อยลง แต่จะมีกิจกรรมเพื่อสังคมจากกลุ่มผู้ไม่นับถือศาสนาใดๆและผู้นับถือศาสนาในวันไปโบสถ์
9. อวสานของความสมบูรณ์แบบ (Proudly Imperfect) ปัจจบันเทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราอยู่บนความแม่นยำ ถูกต้องมาตลอด แต่ก็ยังวุ่นวาย เราจึงปรารถนาความไม่สมบูรณ์แบบ ทำงานรั่วๆบ้าง หรือ อะไรแปลกๆ
10. อยู่อย่างสงบ (Mindful Living) พวกเราทำงานยุ่งและวุ่นวายในแต่ละวัน รวมไปถึงยุ่งกับมือถือตั้งแต่เช้าจนถึงเวลานอน จึงทำให้เรากำลังมองหาความสงบในจิตใจ และ ใช้ชีวิตอย่างใส่ใจ

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2556 หน้า B13

 

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.