ทะเลกรดฆ่าปะการัง คาดไม่ถึง100ปี-หมดโลก!
สถาบันวิทยาศาสตร์คาร์เนกี้ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุสาเหตุที่ทำให้ปะการังเสื่อมสลายไปในทะเลว่ามาจากภาวะน้ำทะเลมีความเป็นกรดสูงขึ้นส่งผลร้ายแรงต่อบรรดาสัตว์น้ำที่ใช้ปะการังเป็นที่ฟูมฟักลูกอ่อนและแหล่งอาหาร
ดร.จาค็อบ ซิลเวอร์แมน จากสถาบันวิทยาศาสตร์คาร์เนกี้ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุสาเหตุที่ทำให้ปะการังเสื่อมสลายไปในทะเลว่ามาจากภาวะน้ำทะเลมีความเป็นกรดสูงขึ้นส่งผลร้ายแรงต่อบรรดาสัตว์น้ำที่ใช้ปะการังเป็นที่ฟูมฟักลูกอ่อนและแหล่งอาหาร น้ำทะเลมีความเป็นกรดสูงขึ้นเนื่องจากคุณสมบัติความเป็นกรดของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในบรรยา กาศของโลกและถูกดูดซับลงไปในมหาสมุทรมากขึ้นส่งผลต่อการเจริญเติบโตของปะการัง ซึ่งไวต่อการเปลี่ยน แปลงของสภาพกรด-ด่างและอุณหภูมิของน้ำทะเลเพราะเมื่อน้ำทะเลเป็นกรดสูงขึ้นจะทำให้ปะการังไม่สามารถสกัดเอาแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการสร้างและบำรุงรักษาโครงร่างจากน้ำทะเลได้
นอกจากนี้ ยังพบว่าปะการังจะหยุดการเจริญเติบโตโดยสิ้นเชิงและเริ่มแตกสลายเมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมีปริมาณเท่ากับ 560 ส่วนในล้านส่วน หากโลกยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศดังเช่นในปัจจุบัน คาดว่าคงไม่เกิน 100 ปี หรือประมาณสิ้นศตวรรษที่ 21 เราอาจไม่เห็นปะการังอีกต่อไป
จากการศึกษาความไวของปะการังในทะเลแดงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศพบว่าสภาพความเป็น กรดของน้ำทะเลส่งผลกระทบต่อการสร้างโครงร่างของปะการังมากกว่าผลกระทบที่เกิดจากอุณหภูมิของน้ำ
ด้าน ดร.ไซมอน ดอนเนอร์ นักวิจัยอีกราย กล่าวว่า อุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรที่สูงขึ้นยังทำให้ “ปะการังฟอกขาว” สีสันที่เคยสวยงามจะซีดขาว อีกทั้งสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในโครงสร้างของปะการังจะสูญเสียความสามารถในการยึดเกาะเพราะสูญเสียแหล่งพลังงานจากปะการังเนื่องจากทั้งสาหร่ายและปะการังมีความสัมพันธ์ทางชีวภาพแบบเกื้อกูลกันและกัน เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2549 ที่ เกรต แบริเออร์ รีฟ ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแนวมหาปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มา : นสพ.ข่าวสด วันที่ 8 มีนาคม 2553
