ไอซ์ระบาดหนักผลพวงการเมือง-ศก.เน่า

ช่วงนี้สถานการณ์การเมืองไทยวุ่นวาย มีการระดมกำลังทหารเตรียมกำลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ จุดนี้เองทำให้เครือข่ายค้ายาเสพติดสบช่อง ฉวยโอกาสขนยาเข้าประเทศทันที ในขณะที่กำลังปฏิบัติยังมีอยู่เท่าเดิม ทั้งทหารและตำรวจที่ถือเป็นรั้วสกัดกั้นยาเสพติดต้องสวมหมวกอีกใบ ในการคุมม็อบกลางเมือง

          เทรนด์นักเสพยาวินาทีนี้ ต้องยกให้ “ยาไอซ์”ครองเจ้าตลาดแทนที่ “ยาบ้า”ไปเรียบร้อย กวาดบรรดาลูกค้าทั้งแนวโลโซไปยันไฮโซทุกวงการ ปิดห้องมั่วสุมกันอัพยาไอซ์กันกระจายจนตำรวจปราบปรามยาเสพติดและเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ไล่จับกันไม่หวาดไม่ไหว !!!

          ดารา-นักร้อง-ศิลปิน ตกเป็นเป้าใหญ่ที่เห็นชัดเจนว่าเป็นตลาดใหญ่ของยาไอซ์ สนนราคาไม่ถูกเท่าไหร่ ซื้อขายทั่วไปตกกรัมละ 3,000 บาท แพงกว่ายาบ้าตามท้องตลาดที่ตกเม็ดละ 250-“บ”300 บาท แม้เหล่าคนดังจะแบ่งเสพ “ไอซ์หอม”ได้แค่ 2 ครั้งคิดเป็น 50% ของการเสพยาบ้าที่หั่นเป็น 4 ขา เสพได้ถึง 4 ครั้งแต่กลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักก็ยังติดกันงอมแงมจนโงหัวไม่ขึ้น

          ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของ นก-วนิดา แสงสุขหรือ นก เชิญยิ้มตลกหญิงคนดัง ที่ตกในวังวนขบวนการค้ายาไอซ์และกัญชา จนถูกตำรวจจับกุมซ้ำซากเท่านั้น แต่ลูกค้านักเสพได้กระจายกันไปถ้วนทั่วทุกวงการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจ รวมทั้งแวดวงนักกีฬาที่ไม่น่าจะโคจรมาเจอยานรกได้ แต่ก็เจออย่างจัง

          เมื่อปลายเดือน มี.ค. ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ฐานทัพเรือสัตหีบ (หน.ชปพ.ศตส.ฐท.สส.) ได้ล่อซื้อและติดตามจับกุมอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย แชมป์เอเชียเรือใบ2 สมัยซ้อน และอันดับ 10 เรือใบโลก “ศักดา วงศ์ทิม” หรือโอ๋ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น นายอัครวัฒน์ วงศ์ทิมขณะปิดห้องพักโรงแรมประทับใจ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มั่วสุมเสพยาไอซ์ ท้ายที่สุดก็ถูกอัปเปหิพ้นสมาคมเรือใบฯ หมดอนาคตไปโดยปริยาย

          เหยื่อยาไอซ์คนต่อมา เพิ่งข้ามวิกจากช่อง 3 มาอยู่ช่อง 7 ได้ไม่ทันไร แอนดรูว์-กรเศก โคร์นินก็เพิ่งถูกตำรวจจับกุมคดีเสพยาไอซ์ คาห้องพักของรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย แม้ว่าจะปฏิเสธว่ายาไอซ์เป็นของรุ่นน้องที่นำมาให้ลองเสพเล่นๆ ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นมั่วสุมร่วมอัพยาด้วยก็ตาม แต่ผลตรวจปัสสาวะหนุ่มแอนดรูว์ก็เป็นสีม่วงจนเถียงไม่ขึ้น และอาจปิดโอกาสได้เล่นละครทีวี”เหนือมนุษย์”เรื่องแรกกับช่อง 7 ก็เป็นได้ นอกจากนี้ ยังมีคนดังมากมาย “ป”สามีของดาราสาวลูกครึ่งก็เป็นทาสยาไอซ์ตัวยง แก๊งหนุ่มฉกรรจ์ “อ”ที่มีงานละครในค่ายหมอชิต “ภ”นักแสดงอิสระ พรีเซนเตอร์เครื่องดื่มแก้ง่วง”บ”นายแบบละครจอแก้วที่เงียบหายไปพักใหญ่ ดาราสาวลูกครึ่งยุโรป “ป”และสาวสูงโปร่งพริตตีหลายอีเวนต์ “อ”ยังมีหนุ่มเจ้าสำราญ “ช”ที่จีบดะดาราสาวไปทั่ว รวมถึง “ว”น้องสาวตลกชื่อดัง

          แก๊งปาร์ตี้ “ไอซ์”พวกนี้มักสวม “แว่นดำ”เข้าสถานบันเทิงเนื่องจากดวงตานักเสพมักแพ้แสงสว่าง เหตุนี้เองจึงต้องปิดบังสายตา ใช้วิธีซ่อนเร้นตำรวจโดยเลือกใช้ “ห้องคาราโอเกะ”ย่านลาดพร้าว รัชดาภิเษก และชานเมือง เป็นแหล่งอัพยา ถือว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว ยอมจ่ายค่าเหมาห้อง 5,000-6,000 บาทอัพยาฉลองข้ามวันถึงเช้า แถมพ่วง “มั่วเซ็กซ์”เข้าไปด้วยเพราะสรรพคุณสำคัญของสารจำพวกเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ หรือยาไอซ์นั้นกระตุ้นอารมณ์เพศ ทำให้นักเสพดึ๋งดั๋งคึกคักไม่รู้เบื่อจนยากจะถอนตัว

          ข่าวคราวที่ผุดขึ้นเป็นระลอก จึงทำให้บัญชีดำ “แก๊งเสพไอซ์” ของตำรวจ ปส. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เพ่งเล็งกลุ่มดาราศิลปิน นักร้อง เป็นพิเศษ ประมาณการว่าในห้วงปี 2553 จะมีผู้ต้องหาคดียาเสพติดถูกจับกุมมากกว่า 2.6 แสนราย ในจำนวนนี้คาดว่าต้องมีผู้เข้าบำบัดรักษาอาการ “เสี้ยนยา”มากกว่า 1.2 แสนคน!!

          ข้อมูลสำนักงาน ป.ป.ส. ได้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ในพื้นที่ 19 จังหวัด ที่มีแนวโน้มยาเสพติดระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนที่สุดนอกเหนือจาก กทม. แล้ว ก็ยังมี ชลบุรี เชียงราย สมุทรปราการ เชียงใหม่นครปฐม กาญจนบุรี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยาสุพรรณบุรี ราชบุรี ฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี นนทบุรี

          ปทุมธานี สงขลา นครราชสีมา นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

          ก่อนหน้านี้ ป.ป.ส.และหน่วยความมั่นคง ประเมินการระบาดของกลุ่มยาเสพติดประเภทต่างๆ วัดจากปัจจัยจากอัตราการว่างงานประมาณ 3-3.7% จำนวนผู้ว่างงานอยู่ในช่วง 1.1-1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่มี 1.4% รวมทั้งการที่ทหารพม่าต้องการจัดระเบียบบริเวณชายแดน โดยกดดันชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มว้า ทำให้เกิดการปะทะสู้รบกันขึ้น ซึ่งจะทำให้กลุ่มว้าต้องการเงินเพื่อใช้ในการซื้อยุทธปัจจัยเพิ่มมากขึ้น

          ทว่าปัจจุบันมีการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อจนข้ามมาถึงเดือน เม.ย. แล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงง่ายๆทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องดึงเอากำลังตำรวจภูธรมาดูแลการชุมนุมใน กทม. สลับกับตำรวจนครบาล เหตุผลนี้เองทำให้พื้นที่ควบคุมยาเสพติด

          สำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือและจังหวัดชายแดนติดประเทศกัมพูชาเกิด “ช่องโหว่”ให้ขบวนการค้ายาทำมาหากินง่ายขึ้น!

          เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่เข้มงวด การลักลอบ “นำเข้า”ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โอกาสจะเล็ดลอดเข้ามาจำหน่ายในกทม. และจังหวัดใหญ่ๆ ก็สะดวก ถือเป็นโอกาสทองช่วงปลายปี 2552 มียาบ้าพักคอยรอการนำเข้าตามช่องทางชายแดนด้าน  จ.เชียงใหม่ และเชียงราย กว่า 100 ล้านเม็ด ยังไม่รวมเฮโรอีนและยาไอซ์ที่เพิ่มปริมาณขึ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน

          จากที่เคยขนเข้ามาแบบกองทัพมด ขนยานรกจำนวนน้อยๆ แต่บ่อยครั้งเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่

          ตามชายแดน นาทีนี้ก็เปลี่ยนยุทธการเป็นการขน “ล็อตใหญ่”เข้ามาเลย

          พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ผบช.น. แสดงความเป็นห่วงคดีอาชญากรรมประเภทหวังผลต่อทรัพย์ ลัก-วิ่ง-ชิง-ปล้น รวมทั้งการระบาดของเครือข่ายยาเสพติดที่มีมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากบช.น. ทุ่มกำลังตำรวจจาก สน.ต่างๆ มาดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

          อย่างไรก็ตาม ได้กำชับ ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. และรอง ผบก. ผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สายตรวจด่านตรวจจุดสกัดต่างๆ เพิ่มความเข้มในการตรวจตราจุดเปลี่ยว จุดล่อแหลมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ ธนาคารต่างๆ เป็นต้น ส่วนการจับกุมคดียาเสพติดให้โทษต่างๆ ก็ยังจับกุมอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เจ้าหน้าที่ยังต้องเฝ้าระวังเหตุระหว่างที่มีการชุมนุมด้วย

          สำหรับสถิติคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ของ บช.น. เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ภาพรวมรับแจ้ง 1,077 ราย จับกุมได้ 307 ราย แยกเป็นคดีลักทรัพย์ 960 ราย จับกุมได้ 252 ราย คดีวิ่งราวทรัพย์ 27 ราย จับกุมได้ 14 ราย คดีชิงทรัพย์ 15 ราย จับกุมได้ 8 ราย และคดีปล้นทรัพย์ 6 ราย จับกุมได้ 3 ราย

          พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จะมีการปรับเปลี่ยนกำลังพลใหม่จาก บช.ภ.2 และตำรวจภูธรภาคอื่นๆ เข้ามาผลัดเปลี่ยนกำลังแทน บช.น. เชื่อว่าจะสามารถลดปัญหาคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้ก็อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้สถานการณ์การเมืองไทยวุ่นวาย มีการระดมกำลังตำรวจและทหารมารักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ จุดนี้เองทำให้เครือข่ายค้ายาเสพติดสบช่องฉวยโอกาสขนยาเข้าประเทศทันที

          ในขณะที่กำลังปฏิบัติยังมีอยู่เท่าเดิม รั้วสกัดกั้นยาเสพติดต้องสวมหมวกอีกใบในการคุมม็อบกลางเมืองถือเป็นภาระหนักที่ต้องแบกรับทั้งงานแก้ปัญหาความมั่นคงภายใน และการสกัดกั้นยาเสพติด ศึกหนักสองด้านนี้จึงถือเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งยวด !!!

          ระวังโรคแพนิค

          นพ.วศิน บำรุงชีพจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุราและยาเสพติด ส่งสัญญาณเตือนสุขภาพจิตของคนไทยมีแนวโน้มจะแย่ลง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน บวกกับสภาพเศรษฐกิจ

          ที่เข้าขั้นวิกฤต ส่งผลทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคเครียดซึมเศร้า วิตกกังวล มีอารมณ์สองขั้ว หรือที่เรียกว่าโรคแพนิค

          อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้ สังคมกำลังให้ความสนใจกับเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ

          มากกว่าปัญหาอื่นๆ ทำให้ปัญหายาเสพติดกลับสูงขึ้นจากข้อมูลการรักษา พบว่าผู้ที่ติดก็มักจะมีอาการป่วยทางจิตร่วมด้วย เนื่องจากในยาเสพติดมีสารกระตุ้นที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้เกิดภาพหลอน

          สำหรับแนวโน้มยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงมีสัญญาณอันตรายเตือน 7 สัญญาณ ดังนี้

          1.สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนว่างงานไม่มีอาชีพทำให้หันมาขายยาเสพติดมากขึ้น

          2.ยาเสพติดมีราคาถูกลง หาซื้อได้ง่าย 3.สังคมวัยรุ่นและคนในยุคปัจจุบันมีทัศนคติเกี่ยวกับยาเสพติดมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากมีเพื่อนหรือคนรู้จักติดยาเสพติดก็ยังคบเป็นเพื่อนกันได้

          4.การตลาดที่แยบยลของกลุ่มผู้ค้าโฆษณาเชิญชวนให้เกิดความอยากรู้อยากลอง

          5.สภาพสังคมกับสถาบันครอบครัวเกี่ยวกับการเลี้ยงดูที่พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก ดังนั้นต้องให้ความรู้พ่อแม่ใหม่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เพราะเลี้ยงผิดวิธี ทำให้เด็กควบคุมตนเองไม่ได้

          6.ผลของการเลี้ยงดูที่ผิดจึงทำให้เด็กและเยาวชนมีการควบคุมตนเองได้ไม่ดี (Self Control) และก่อให้เกิดการอยากรู้อยากลอง อาจทำให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้ง่าย

          7.การปราบปรามที่ไม่ต่อเนื่อง เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อย ทำให้นโยบายการปราบปรามไม่ต่อเนื่อง ยาเสพติดจึงกลับมาระบาดได้ง่าย

          ติดตามอ่านคอลัมน์ขยายประเด็นร้อนทั้งหมดได้ที่ www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ส่องมุมมืด–จบ–

          ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์