แคธรีน บีเกโลว์ ผู้สร้าง”ก้าวแรก”ให้ผู้หญิง

ที่จริงไม่ว่า แคธรีน บีเกโลว์ จะคว้ารางวัลออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยม จาก “เดอะ เฮิร์ท ล็อกเกอร์” (The Hurt Locker) ได้หรือไม่ ตอนนี้ชื่อของผู้กำกับหญิงวัย 58 ก็ “ติดลมบน” ได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมืออย่างท่วมท้น

          พูดได้ว่าไม่มีใครกังขาในความสามารถของเธอ ว่ากำกับหนังได้ไม่แพ้ผู้ชาย โดยเฉพาะหนังสงครามที่ทำออกได้ครบรส ทั้งตื่นเต้น ลุ้นระทึก หดหู่ และมีแง่มุมที่กินใจ

          ก่อนหน้านี้แคธรีนซึ่งเป็นอดีตภรรยาของ เจมส์ คาเมรอน ก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้กำกับหญิงคนแรกที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้กำกับแห่งอเมริกา และก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีบาฟต้า ซึ่งเทียบเท่าออสการ์ของอังกฤษ

          สำหรับเวทีออสการ์ที่ชื่อของแคธรีนถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะตลอดเวลา 82 ปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีนี้ไปได้เลยสักครั้ง!!!

          ที่ผ่านมา ผู้กำกับหญิงสามารถผ่านเข้าไปแค่รอบชิง แต่ยังไม่เคยชนะ และก็มีอยู่แค่ 4 คนเท่านั้น นอกจากแคธรีนก็มี ลีน่า เวิร์ทมุลเลอร์ จาก “เซเว่น บิวตี้” (Seven Beauties) เมื่อปี 2519 เจน แคมเปี้ยน จาก “เดอะ เปียโน” (The Piano) ปี 2536 และ “ลอสต์ อิน ทรานสเลชั่น” (Lost in translation) ปี 2546

          มาร์ธา เลาเซ่น หัวหน้าศูนย์ศึกษาบทบาทสตรีในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ แห่งมหาวิทยาลัยซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา บอกว่า การที่มีผู้หญิงได้รับการยอมรับจากเวทีออสการ์ก็สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดกว้างในอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ความจริงอีกมุมหนึ่งคือ วงการบันเทิงใหญ่ระดับโลกอย่างฮอลลีวู้ด ยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้โชว์ความสามารถอย่างที่ใครคิด

          มาร์ธายกตัวอย่างรายงานเกี่ยวกับการจ้างงานผู้หญิงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เมื่อปี 2552 โดยดูจากหนังที่ทำรายได้ดี 250 อันดับ พบว่ามีผู้หญิงนั่งแท่นผู้กำกับอยู่เพียง 7% เท่านั้น แถมยังลดลงจากเมื่อปี 2551 ถึง 2% ด้วย

          มาร์ธาเลยสรุปว่า “เหตุผลหนึ่งก็คือวงการบันเทิงยังมีการปฏิเสธผู้หญิงอยู่มาก”

          “ฉันเคยได้ยินพวกบรรณาธิการ หัวหน้าค่ายหนังชอบบอกว่าไม่มีปัญหา ไม่มีหรอกเรื่องกีดกันผู้หญิงแล้วพวกนี้ก็จะเอ่ยชื่อผู้กำกับหญิงเก่งๆ มา 4-5 คน แล้วบอกว่านี่ไงมีปัญหาที่ไหน วึ่งนั่นล่ะยิ่งทำให้หลงทางไปกันใหญ่ การที่คุณสามารถบอกชื่อผู้กำกับหญิงมาได้ 4-5 คน นั่นไม่ได้หมายความว่าปัญหาไม่มี และถ้าคุณคิดว่าไม่มีปัญหา คุณก็จะไม่มองหาทางแก้ แล้วก็คิดไปว่าผู้หญิงได้รับการยอมรับเท่าเทียมผู้ชาย”

          เธอยังให้ความเห็นถึงความสำเร็จของแคธรีนด้วยว่า อาจเป็นโชคร้ายหากสื่อต่างๆจะพากันเขียนว่า ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป ผู้หญิงได้รับการยอมรับเท่าเทียมผู้ชายแล้ว!!!

         ที่มา :นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 8 มี.ค. 2553 .