
แผ่นดินไหว ตอนที่ 1
เหตุแผ่นดินไหวบริเวณศูนย์กลางในประเทศพม่า ที่สำนักธรณีวิทยาสหรัฐวัดได้ 6.8 ริกเตอร์ เมื่อค่ำ วันที่ 24 มี.ค.2554 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมหลายร้อยคน ส่งผลกระทบต่อประชาชนอีกเรือนหมื่น ความรุนแรงยังส่งผลมาถึง จ.เชียงราย และอีกหลายจังหวัดของประเทศไทย ทำ ให้คนไทยเริ่มตระหนักรู้แล้วว่า แผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ดังนั้น มาเรียนรู้เรื่องแผ่นดินไหวกันเพื่อเตรียมรับมืออย่างชาญฉลาดกันดีกว่าค่ะ
เรียบเรียงโดย :สายสวรรค์ ขยันยิ่ง
ขอบคุณคลิปวิดีโอรายการ“ถอดรหัสพิบัติภัย“จากสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา[ETV]
ดิฉันได้มีโอกาสเป็นพิธีกรรายการ “ถอดรหัสพิบัติภัย“ทางสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ [ETV] เมื่อหลายปีมาแล้ว ได้ความรู้จากวิทยากรของรายการ คือคุณสมศักดิ์ โพธิสัตย์ ซึ่งขณะนั้นท่านดำ รงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ด้วยความเป็นนักธรณีวิทยาที่เชี่ยวชาญ จึงสามารถอธิบายเรื่องพิบัติภัยต่างๆ อันเกิดจากธรรมชาติของธรณีวิทยาได้อย่างสนุก เข้าใจง่าย ดิฉันจึงได้นำ เอาคลิปรายการตอนที่เข้ากับสถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิมาถอดเทป เรียบเรียง เพิ่มเติมข้อมูลบางส่วนที่เป็นปัจจุบันลงไป รวมทั้งตัดคลิปให้มีความยาวพอดีกับการอัพโหลดทาง Youtube ให้ทุกท่านได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันนะคะ
เริ่มตอนแรกนี้ เป็นเรื่องแผ่นดินไหว ซึ่งอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีอธิบายให้ฟังว่า
โลกของเราแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ แกนชั้นใน ส่วนกลาง และส่วนที่เป็นเปลือกโลก ซึ่งส่วนที่เป็นเปลือกโลกนี่เอง ที่ข้างใต้ของมันมีคลื่นความร้อนหมุนเวียนอยู่ ทำ ให้เปลือกโลกเกิดการขยับตัวอยู่ตลอด ไม่หยุดนิ่ง บางครั้งแผ่นทวีปหนึ่งก็ขยับมาชนกับอีกแผ่นทวีปหนึ่ง บางครั้งแผ่นมหาสมุทรก็มุดลงไปใต้แผ่นทวีป เช่น บริเวณเกาะสุมาตรา “ซุนด้า เทรนช์” คือแผ่นมหาสมุทรอินเดีย มุดลงใต้แผ่นทวีป
เกิดแผ่นมหาสมุทร มุดลงใต้แผ่นทวีปแรงๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ เกิดการหลอมละลายของหินใต้บริเวณนั้น ทำ ให้เกิดภูเขาไฟระเบิดได้ ก่อนภูเขาไฟจะระเบิด แม็กม่าหรือหินหลอมเหลวใต้โลกก็จะขยับเคลื่อนตัวขึ้นสู่ผิวโลก ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน
ส่วนขนาดของแผ่นดินไหวที่เรียกว่า “ริกเตอร์“จะขนาดใหญ่หรือเล็กนั้น ขึ้นอยู่กับความเครียดของเปลือกโลก ซึ่งมันต้องการปลดปล่อยพลังงานออกมา จุดศูนยนย์กลางแผ่นดินไหว จะอยู่ใต้เปลือกโลก หมายถึงบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกมุดกันจนเกิดความเครียด
มาตรา“ริกเตอร์” ภาษาอังกฤษ เรียก “แม็คนิจูด” แต่ผู้ที่คิดค้นชื่อนายริกเตอร์ จึงนิยมเรียกกันว่า มาตราริกเตอร์ ซึ่งเป็นการวัดขนาด ไม่ใช่ความแรง ซึ่งขนาดของแผ่นดินไหวนั้น ไม่ว่าจะวัดจากที่ไหนก็จะวัดได้ตรงกัน ขนาดเริ่มจาก 0 แต่ไม่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ความรุนแรงของแผ่นดินไหว มีมาตราเป็น “เมอร์คัลลี” ซึ่งวัดเป็นระดับต่างๆ ดังนี้
ระดับ 1 เมอร์คัลลี คนธรรมดาจะไม่รู้สึก แคต่เครื่องวัดสามารถตรวจจับได้
ระดับ 2 เมอร์คัลลี(อ่อน) คนที่มีความรู้สึกไว จะรู้สึกว่าแผ่นดินไหวเล็กน้อย
ระดับ 3 เมอร์คัลลี (เบา)คนที่อยู่กับที่จะรู้สึกว่าพื้นสั่น
ระดับ 4 เมอร์คัลลี (พอประมาณ) คนที่สัญจรไปมารู้สึกได้
ระดับ 5 เมอร์คัลลี(ค่อนข้างแรง)คนที่นอนหลับก็ตกใจตื่น
ระดับ 6 เมอร์คัลลี( แรง)ต้นไม้สั่น บ้านแกว่ง สิ่งปลูกสร้างบางชนิดพัง
ระดับ 7 เมอร์คัลลี (แรงมาก)ฝาห้องแยกร้าว กรุเพดานร่วง
ระดับ 8 เมอร์คัลลี(ทำ ลาย)ต้องหยุดขับรถยนต์ ตึกร้าว ปล่องไฟพัง
ระดับ 9 เมอร์คัลลี (ทำ ลายสูญเสีย)บ้านพังตามแถบรอยแยกของแผ่นดิน ท่อน้ำ ท่อก๊าซขาดเป็นตอนๆ
ระดับ 10 เมอร์คัลลี(วินาศภัย) แผ่นดินแตกอ้า ตึกแข็งแรงพัง รางรถไฟคดโค้ง ดินลาดเขาเคลื่อนตัวหรือถล่มตอนชันๆ
ระดับ 11 เมอร์คัลลี(วินาศภัยใหญ่) ตึกถล่ม สะพานขาด ทางรถไฟ ท่อน้ำและสายไฟใต้ดินเสียหายแผ่นดินถล่ม น้ำ ท่วม
ระดับ 12 เมอร์คัลลี(มหาวิบัติ) ทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินแถบนั้นเสียหายโดยสิ้นเชิง พื้นดินเคลื่อนตัวเป็นลูกคลื่น
กรมอุตุนิยมวิทยามีสถานีวัดคลื่นแผ่นดินไหวอยู่มากกว่า 20 สถานี แต่เหตุที่เราต้องอ้างอิงข้อมูลจากกรมธรณีวิทยาของสหรัฐ ก็เพราะเขามีสถานีอยู่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยก็ตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ด้วย เขาจึงมีขอบข่ายการวัดแผ่นดินไหวครอบคลุมไปทั่วโลก โดยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่สุดของไทย 5.6 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่ ท่าสองยาง จ.ตาก เมื่อปี พ.ศ.2518
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ค่อยประสบเหตุแผ่นดินไหวถี่เหมือนกับเพื่อนบ้านเราอีกหลายประเทศ แต่ก็ทราบกันดีว่า เรามีพื้นที่ที่ปรากฎรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ทรงพลัง พร้อมที่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เรียนรู้ เข้าใจ และเตรียมรับมือแผ่นดินไหวกันให้พร้อมค่ะ
(ชมคลิปวิดีโอ)