Select Page

ขาช็อปออนไลน์เตรียมเพลิดเพลิน ปี 2013 โมบายคอมเมิร์ซมาแรง

ขาช็อปออนไลน์เตรียมเพลิดเพลิน ปี 2013 โมบายคอมเมิร์ซมาแรง

ราคูเท็นตลาดดอทคอมทำนายว่า ปี 2013 ข้างหน้าเป็นปีที่น่าจับตามองสำหรับวงการอีคอมเมิร์ซเมื่อคนไทยหันมาใช้อินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สายชนิดต่างๆ เมื่อผู้ให้บริการพัฒนาฟีเจอร์จนล้ำสมัยและเมื่อแบรนด์ชั้นนำเร่งแข่งขันทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์กันยกใหญ่

โดยทาง PayPal ได้วิเคราะห์สภาพตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยและคาดการณ์ไว้ว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตขึ้นเกือบถึง 15,000 ล้านบาท ในขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้คำนวณตัวเลขการเติบโตของการจดทะเบียนร้านค้าออนไลน์อยู่ที่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2012 นี้ ผู้ประกอบการรายเล็ก-ใหญ่ต่างเห็นความสำคัญในการเปิดร้านค้าออนไลน์ตามๆ กันไม่ว่าจะเปิดเพื่อเสริมช่องทางการค้าให้แก่ธุรกิจที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว หรือเป็นการเริ่มธุรกิจใหม่เลยก็ตาม

คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์บริษัท TARAD.com กล่าวว่า “ปัจจุบันนักช็อปมีร้านค้าพกพากันแล้ว ทั้งทางมือถือหรือแท็บเล็ตก็สามารถเลือกหาสินค้าที่ต้องการผ่านการคลิกหน้าจอเท่านั้น ด้วยความที่การซื้อสินค้าเกิดได้ง่ายดาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในการสร้างความจงรักภักดีในลูกค้าและประสบการณ์การช็อปที่น่าประทับใจ โดยราคูเท็นมีสมาชิกกว่า 2 ล้านราย ผู้ประกอบการกว่า 300,000 เจ้า และผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 200,000 คนต่อวัน ด้วยความคุ้นเคยกับวงการนี้เป็นอย่างดี จึงได้รวบรวมแนวทางและแนวโน้มของเทรนด์อีคอมเมิร์ซในปี 2013 ดังนี้”

จากแคตตาล็อกออนไลน์สู่ร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ

ปัจจุบันเว็บไซต์จำนวนมากของหลายธุรกิจของไทยยังคงเป็นรูปแบบเว็บไซต์ให้ข้อมูลบริษัท หรือเป็นแค่แคตตาล็อกสินค้าที่ไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ ต้องใช้วิธีการโทรหรือติดต่อผ่านช่องทางอื่นๆ ทำให้สูญเสียโอกาสการขายสินค้าไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีระบบการค้าออนไลน์เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถคลิกสั่งซื้อสินค้าของธุรกิจได้ทันที จะหมายถึงการที่จะปิดการขายลูกค้าได้ทันที ดังนั้น ปี 2013 จะเป็นปีที่หลายๆ ธุรกิจไทยเริ่มเห็นถึงศักยภาพของการค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะหลายรายเริ่มประสบความสำเร็จและสามารถเพิ่มยอดขายได้มาก ทำให้หลายธุรกิจจะเริ่มเปลี่ยนจากเว็บไซต์รูปแบบเดิมๆ เข้าสู่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ (E-Tailor) เต็มรูปแบบมากขึ้น


ช็อปผ่านมือถือและแท็บเล็ตเพิ่มมากขึ้น

ปี 2013 จะเป็นปีที่ 3จี แท้ๆ ของไทยจะได้ออกมายลโฉมกันจริงๆ เสียที และราคาจะถูกลงด้วย มือถือและอุปกรณ์พกพาจะราคาถูกลง ฉลาดขึ้น คนไทยจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากขึ้น อย่างที่ TARAD.com มีผู้ใช้มือถือและอุปกรณ์พกพาเข้ามาใช้บริการมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งหมด และมียอดขายที่เกิดผ่านช่องทางนี้ 11 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การชำะเงินผ่านบัตรเดบิต(บัตรเอทีเอ็ม)จะเติบโตมากขึ้น

ในปี 2012 เป็นปีที่หลายๆ ธนาคารเริ่มหันมาเปิดให้บัตรเดบิต (DebitCard) หรือบัตรเอทีเอ็มสามารถใช้ซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้เหมือนบัตรเครดิต ทำให้กลุ่มคนที่ถือบัตรเดบิตที่มีมากกว่า 35 ล้านใบทั่วประเทศที่จะเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เด็กวัยรุ่นและคนทั่วไปซึ่งจะมีจำนวนมากกว่าคนที่ถือบัตรเครดิตที่มีเพียง 14 ล้านใบเท่านั้น กลุ่มคนจำนวนมากเหล่านี้จะสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้มากขึ้น ดังนั้น ในปี 2013 จึงเป็นปีที่คนไทยเกือบครึ่งประเทศสามารถซื้อสินค้าออนไลน์และจ่ายผ่านทางออนไลน์โดยบัตรเดบิตได้ทันที

โซเชียลมีเดียสื่อและช่องใหม่ในการสร้างยอดขาย

เดียวนี้คนไทยหลายคนเริ่มหันมาใช้โซเชียลมีเดียกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่แทบจะไม่ต้องจ่ายเงินหรือมีค่าใช้จ่าย ทำให้การใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า จึงเป็นช่องทางที่ได้ผลในด้านการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจการค้าออนไลน์มากขึ้น แต่ควรจะมีกลยุทธ์และวิธีการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดียที่มีชั้นเชิง รวมถึงการเลือกใช้โซเชียลมีเดียตรงกลับกลุ่มเป้าหมายเพราะเดี๋ยวนี้นอกเหนือจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ยังมีอีกหลายบริการโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Twitter, Instgram, Line ที่สามารถใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

สินค้าอุปโภคบริโภคจะเริ่มเข้าสู่โลกการค้าออนไลน์มากขึ้น

จากเดิมที่สินค้าอุปโภคบริโภค (FastMoving Consumer Goods – FMCG) จะเน้นการตลาดในการสื่อสารในการสร้างแบรนด์และโปรโมชั่นแล้วดึงคนให้ไปซื้อตามจุดขายต่างๆ เป็นหลัก แต่ปี 2013 จะเป็นปีที่สินค้าหลายๆ ตัวจะเริ่มต้นการใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น และใช้การตลาดออนไลน์เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดยอดขายผ่านไปยังกลุ่มเป้าหมายลูกค้าทั่วประเทศ โดยแนวโน้มนี้จะเห็นได้จากสินค้าหลายๆ ตัวที่เริ่มมีการขายในโลกออนไลน์แล้ว เช่นเถ้าแก่น้อย สินค้าของค่ายแบรนด์ เป็นต้น

คุณภาวุธกล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการค้าปลีกรูปแบบไหน ลูกค้า คือ หัวใจของความสำเร็จ ทั้งช่องทางโมบายและโซเชียลมีเดียล้วนแล้วแต่มอบโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ติดต่อกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม ในปีข้างหน้านี้การคิดค้นหาวิธีสร้างความประทับใจให้ลูกค้าท่ามกลางการแข่งขันที่มีช่องทางอันหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันเราต้องเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้แก่ระบบของเราอย่างต่อเนื่อง เราน่าจะร่วมมือกันผลักดันให้แวดวงอีคอมเมิร์ซได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากขึ้นในการช็อปปิ้งผ่านช่องทางโมบายและโซเชียลต่างๆ โดยเน้นการพัฒนาประสบการณ์การช็อปออนไลน์การมอบสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายและความรัดกุมสำหรับการชำระเงินผ่านช่องทางเหล่านี้”

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2555  หน้า9

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.