Select Page

อยากให้ลูกหัวไบรต์ (รู้ไหม) ต้องทำยังไง

อยากให้ลูกหัวไบรต์ (รู้ไหม) ต้องทำยังไง

ลูกเก่ง สมองดี หัวไว ฉลาดเฉลียว มีพ่อแม่คนไหนไม่ปรารถนาบ้าง พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกเก่งและฉลาดทั้งนั้น และเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา เอส-26 คลับ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและพัฒนาการเด็ก ได้เปิดเวทีปฎิบัติการเพิ่มรอยหยัก S-26 Club Brain Based Learning ภายใต้แนวคิด “5 พลังสมองสร้างศักยภาพล้ำหน้า” ที่เซ็นทรัลเวิลด์

 

โดยมี ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว.) นักวิชาการด้านพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก มาเผยเคล็ดลับพัฒนาศักยภาพสมองของลูกน้อยให้อัจฉริยะในงานด้วย

เรียนรู้โดยใช้สมองเป็นพื้นฐาน

ธรรมดาเด็กทุกคนเกิดมาย่อมมีศักยภาพในการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพแวดล้อม การเรียนรู้ และศักยภาพภายในที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเรื่อง แต่เชื่อไหมว่าจากการทดสอบเด็กไทยในระดับหลักหมื่นคนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าศักยภาพทางความคิดของเด็กไทยอยู่ในระดับวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กที่มีไอคิวสูงหรือต่ำ

ผศ.ดร.อุษณีย์ ระบุสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับศักยภาพของเด็กอยู่ในระดับวิกฤตนั้น เกิดจากการขาดการเลี้ยงดูอย่างเข้าใจ และพ่อแม่ รวมถึงวิธีการสอนในโรงเรียน การประเมินผลที่มุ่งเน้นความรู้ความจำมากเกินไป หรือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง ทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาศักยภาพให้ถึงขีดสุด และใช้ความสามารถของตนเองได้เท่าที่ควร

“การพัฒนาศักยภาพสมองของลูกน้อยด้วยการจัดกิจกรรมการ “เล่น” และการ “เรียนรู้” ที่ยึดตามหลักทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน หรือที่เรียกว่า เบรน เบสด์ เลิร์นนิง (Brain Based Learning) จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดกิจกรรมการเล่นและการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง เพื่อช่วยให้สมองมีการทำงานอย่างเต็มที่ สามารถสร้างศักยภาพล้ำหน้าทั้งด้านพํฒนาสมองและสายตา เพิ่มพลังการเรียนรู้ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและพัฒนาการสมวัยตามเอกลักษณ์ของลูกน้อยแต่ละคน” ผศ.ดร.อุษณีย์ กล่าว

สำหรับ Brain Based Learning เป็นทฤษฎีที่มีแนวคิดหลักในการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับภาวะการพัฒนาสมองครบทั้ง 5 ส่วน ประกอบด้วย 1.การแก้ไข การวางแผน  2.ประสาทสัมผัส และการจดจำ  3.ภาษา ความจำ อารมณ์ 4.การมองเห็นรับรู้ ความเข้าใจ 5.ระบบกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว

สร้างกระบวนการเรียนรู้ทั้ง 5 ส่วน เนื่องจากสมองสามารถทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน และทำงานเป็นระบบองค์รวมจะไม่เรียนรู้แยกส่วน พ่อแม่จึงควรจัดกิจกรรมการเล่นและการเรียนรู้ให้เป็นแบบองค์รวม และสอดคล้องกับธรรมชาติของลูกน้อย ตามหลักทฤษฎี เบรน เบสด์ เลิร์นนิง เพื่อเพิ่มศักยภาพของสมองครบทุกส่วน ทั้งการคิด ศิลปะ จินตนาการ ร่างกาย และการเคลื่อนไหว ภาษา อารมณ์ และการอยู่ร่วมกับสังคม

“ที่สำคัญถ้าอยากให้ลูกเป็นนักสร้างสรรค์ต้องแฝงจิตสำนึกสาธารณะเข้าไปด้วย ปลูกฝังให้ลูกคิดไกล รอบด้านและสิ่งที่คิดไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่นในสังคม เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกจะมีความละเอียดเป็นเด็กฉลาดและมีจิตสำนึกสาธารณะไปพร้อมๆกัน”

ผศ.ดร.อุษณีย์ กล่าวเสริมอีกว่า การจะพัฒนาศักยภาพสมองของเด็กให้ล้ำหน้า และเป็นเลิศทั้งทักษะทางความคิด จิตใจ ร่างกาย อารมณ์และสังคมนั้น สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่การสร้างกระบวนการเรียนรู้พัฒนาการสมองของลูกน้อยให้ครบทั้ง 5 ส่วน ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่ง และให้เขาสามารถดึงศักยภาพตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้พัฒนาการลูกน้อยจึงควรทำกิจกรรมหลากหลาย ให้ทั้งกาย จิต สมอง อารมณ์ สังคม สติปัญญา เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล ที่เป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จของลูกน้อย

เติมกิจกรรมเพิ่มพลังสมอง

กิจกรรมสำหรับลูกน้อยถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่ขาดไม่ได้ เพราะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของลูกให้มีศักยภาพที่ล้ำหน้า ประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก มศว. ได้ยกตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มพลังสมองทั้ง 5 ส่วน สำหรับลูกน้อยวัย 1 ขวบขึ้นไปดังนี้

1.ชวนลูกทำกิจกรรมงานประดิษฐ์ และสร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบต่างๆ เช่น การวาดภาพ ทำตุ๊กตาด้วยกัน เป็นต้น โดยปล่อยให้ลูกได้ทดลอง และทำด้วยตัวเอง ตลอดจนการตั้งคำถามที่ท้าทาย การใช้จินตนาการ การฝึกคำถามที่ต้องใช้สมองทั้งสองด้านตอบ ที่ต่อยอดจากกิจกรรมพื้นฐานที่เด็กๆ เล่นกันอยู่แล้ว หรือการต่อเลโก ฝึกเรียงตัวอักษร ต่อบล็อกไม้ เพื่อช่วยฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักวางแผน

2.ฝึกสมองด้านประสาทสัมผัสและการจำ สามารถพัฒนาได้โดยการพาลูกน้อยออกไปเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมนอกบ้านด้วยตัวเอง เช่น สนามเด็กเล่นในชุมชน

3.เปิดเพลงกล่อมเด็ก รวมถึงการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง เพื่อช่วยเพิ่มจินตนาการ และการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่าเอนดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยให้ความจำ และการคิดมีประสิทธิภาพ

4.ชักชวนให้ลูกดูภาพในหนังสือ ชี้ภาพสัตว์ สิ่งของ คน หรือพูดชื่อสัตว์ สิ่งของ เสื้อผ้า พร้อมอธิบายว่าใช้ทำอะไรบ้าง จะช่วยฝึกการรับรู้ และความสามารถในการแปลความเข้าใจสิ่งที่มองเห็น

5.เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้สมองแข็งแรงและทำงานอย่างสมดุล พ่อแม่ควรกระตุ้นให้ลูกน้อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย ตั้งแต่การคลาน มุด ลอด เดิน วิ่ง กระโดด ตามจังหวะ โดยใช้อุปกรณ์ประเภทต่างๆ มาสร้างกิจกรรม เช่น ลูกบอลและเสียงดนตรี มาช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ และการทรงตัว

พ่อแม่ที่อยากเห็นลูกฉลาด หัวดี สมองไว ถ้าทำตามเคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญพัฒฯการและการเจริญเติบโตของเด็กแนะนำ เชื่อว่าเราจะได้เห็นพัฒนาด้านสมองของลูกทุกๆวัน

 

ที่มา : คอลัมน์  How To หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันอังคารที่ 11 กันยายน 2555 หน้า Z10

About The Author

Leave a reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.