
กล้าที่จะเปลี่ยน..กล้าที่จะเก่ง

The Confident Leader กล้าที่จะเปลี่ยน..กล้าที่จะเก่ง เคยได้ยินเรื่องของ Comfort Zone ไหมคะ ?
Comfort Zone เป็นความรู้สึกสบายที่เคยชิน ซึ่งดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ความรู้สึกสบายที่เคยชินนี้เองจะดึงให้ชีวิตเรานิ่งอยู่กับที่ มีกิจวัตรเดิมๆ ทั้งเดือน ทั้งปี ไม่พยายามเสาะหาโอกาสใหม่ๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไร ที่จะทำให้ชีวิตประจำวันของเราถูกกระทบกระเทือน มิหนำซ้ำ….เรายังอาจต่อต้านผู้อื่นที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเราหรือสิ่งแวดล้อมใดๆ ที่จะมากระทบเราอีกต่างหาก!
หนังสือเล่มนี้อธิบายเรื่อง Comfort Zone และชักจูงโน้มน้าวใจให้เราผลักตัวเองออกนอกพื้นที่นี้ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ท้าทายกว่า แม้อาจจะเสี่ยงบ้าง……………..
การเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีการเจ็บปวดนั้นเป็นไปไม่ได้ค่ะ……………
แต่เมื่อจะเปลี่ยนแปลง เราอยากเป็นผู้เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยความกล้าหาญ หรือถูกผู้อื่นมาบังคับให้เราเปลี่ยนดังนั้น กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง คือการเรียนรู้ที่จะทนความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อเรากำลังจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง…………..
คุณอาจรู้สึกถึงความเครียด ความเกร็ง ความอาย ความโกรธ ความตื่นเต้น ความกังวล ความรำคาญ และอื่นๆอีกมากมาย
คุณอาจเสียเวลา และทรัพยากรอื่นๆ คุณอาจต้องเปลี่ยนตารางชีวิต เพราะคุณต้องใช้เวลามากขึ้น โดยเฉพาะช่วงแรกๆ
คุณอาจต้องเจอกับความผิดพลาดได้ในช่วงที่กำลังทดลองอะไรใหม่
คุณต้องยอมรับปฏิกิริยาของคนรอบข้าง คนอื่นอาจจะงง หรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของคุณ เพราะเขาอาจถูกผลกระทบ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเทียบกันกับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในแง่ต่างๆ เช่น……………………
คุณจะมีความสุขขึ้น มั่นใจขึ้น หรือภูมิใจในตัวเองมากขึ้นไหม?
คุณจะมีเวลามากขึ้น ได้เงินมากขึ้น หรือมีพลังเพิ่มขึ้นไหม?
คุณจะเข้ากับคนอื่นได้ดีขึ้น ได้รับความเคารพมากขึ้น มีคนฟังมากขึ้น ลดข้อขัดแย้งกับคนอื่น และสามารถพูดคุยกับคนอื่นอย่างมั่นใจมากขึ้นไหม?
คุณจะก้าวหน้าในงานที่ทำมากขึ้น รับงานที่ท้าทายมากขึ้น เปลี่ยนแปลงอะไรในบริษัท เป็นผู้นำที่ดีขึ้น หรือมีผลประกอบการดีขึ้นไหม?
ถ้าได้คำตอบแล้ว…………..
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง…………..
คนกลุ่มแรกอาจจะตอบว่า ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉันอยู่ของฉันอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่นา หรือเวลาเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงแล้วไปไม่ถึงจุดหมาย ก็จะพูดว่า “เห็นมั้ย…ฉันบอกแล้วว่าทำไม่ได้หรอก”
คนกลุ่มที่สองเป็นพวก “กำลังคิดอยู่” คืออาจกำลังชั่งใจ คิดถึงข้อดีข้อเสียของการเปลี่ยนแปลงอยู่ ก็เลยยังไม่จัดการกับความคิดและลงมือทำอะไรเสียที ได้แต่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ บางคนอาจคิดโน่นคิดนี่ไปตลอดชีวิต….สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร
กลุ่มที่สามเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดีแน่แล้วล่ะ แต่ก็อยู่แค่ขั้นเตรียมการ ไม่ลงมือสักที รู้ไหมคะว่าถ้าเตรียมนานกว่า 1 เดือน….คุณจะกลับไปเป็นคนกลุ่มที่สองอีกครั้ง
กลุ่มที่ 4 Action คือลงมือทำ ใครกำลังอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตอยู่ต้องปรบมือดังๆ ให้เลยค่ะ
และสุดท้าย…เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ต้องการรักษาสภาวะที่พัฒนาแล้วให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
สมมติว่าเป็นขาวีน ที่กลับเนื้อกลับตัว ใจเย็นลงแล้ว อยู่มาวันหนึ่งโมโหจนลมออกหูแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป ก็ไม่ต้องกังวลว่าแย่แล้ว กลับไปเป็นคนขี้วีนเหมือนเดิมอีกแล้ว….
ในหนังสือแนะนำว่า คุณอาจจะขอโทษเพื่อนร่วมงาน และบอกเขาว่าคุณกำลังฝึกควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น และคุณจะดีใจมากถ้าเขาจะช่วยแนะนำคุณบ้าง จากนั้นก็เตรียมฟัง….
ฟังสิ่งที่คุณไม่อยากฟังให้ได้ (ซึ่งยากมากค่ะ) เมื่อมีใครสักคนคัดค้านแผนของคุณ คุณมักจะรู้สึกว่าต้องเถียงให้ชนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะมีปํญหา 2 ข้อคือคุณจะไม่ได้รับฟังสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ และสอง เมื่อไม่ได้ฟัง คุณก็จะไม่สามารถหาวิธีทำให้คนที่คัดค้านกลับมาสนับสนุนคุณได้ บางครั้งเราก็ตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล คนที่คัดค้านเรามักจะมีมุมมองที่ต่างจากเราออกไป เพราะฉะนั้นถึงแม้ในที่สุดเราจะไม่เห็นด้วย แต่เราก็จะได้มุมมองใหม่ๆ
เมื่อคุณต้องการทำอะไรที่อยู่นอก Comfort Zone เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้น ความล้มเหลวอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ แต่ความล้มเหลวก็คือกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเพิ่มเติมศักยภาพในตัวเอง
เมื่อเรามองความล้มเหลวบนพื้นฐานของการมองโลกในแง่ดี เราอาจจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาถึง 16 บท ซึ่งทุกบทจะระบุขั้นตอนการพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำที่มั่นใจ โดยมีเรื่องราวของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง ซึ่งผู้เขียนคือ ดร.ลารีน่า เคส นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาตนเอง นำมาจากคนไข้หรือลูกค้าของเธอ บางเรื่องอาจไกลตัวเราไปหน่อย แต่หลายเรื่องก็สามารถนำมาเทียบเคียงกับเราและนำมาปรับใช้ได้อย่างแนบเนียน
ดิฉันชอบอาจหนังสือประเภทนี้มาก เพราะชีวิตบางช่วงก็อยู่ใน Comfort Zone เกินไป จะก้าวออกมาแต่ละที ต้องคิดแล้วคิดอีก เครียดแล้วเครียดอีก การมีหนังสือดีๆ ที่ยุให้เราก้าว หรือผลักตัวเองออกมาจากพื้นที่เคยชิน เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และมีประโยชน์แก่ส่วนรวมมากกว่าเดิม จึงเสมือนมีพี่เลี้ยงชั้นดีที่หยิบมาอ่านได้ทุกเมื่อ
Comfort Zone ของคุณคืออะไร อยากจะผลักตัวเองออกมาหรือไม่ กำลังคิดอยู่……..ทำอยู่……..หรือก้าวออกมาสำเร็จแล้ว เล่าให้ฟังบ้างสิคะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
Larina Kase,Psy.D.,MBA เป็นนักจิตวิทยาธุรกิจ นักพูดมืออาชีพ เป็นที่ปรึกษาเรื่องการพัฒนาตนเองและความเป็นผู้นำ ช่วยผู้คนพัฒนาตัวเองไปเกินกว่าที่แต่ละคนคาดคิด
แปลโดย ดร.ศาศวัต มหาบุญพาชัย และ ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์